ราคาหุ้น BEM และ BTS หลังเปิดตลาดหุ้นวันแรก (23พ.ค.) เมื่อทราบผลเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พบว่าวิ่งสวนทางกันอย่างเห็นได้ชัด
ในตลาดหุ้นไทยมี 2 บริษัท ที่ดำเนินธุรกิจรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับการเดินทางหลักในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร หนึ่งคือ BEM หรือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และสองคือ BTS หรือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
อย่างไรก็ดี หลังทราบผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 โดยผู้ชนะคือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็เกิดแรงกระเพื่อมพอสมควรต่อกิจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ เนื่องจากหนึ่งในนโยบายหลักที่ใช้ในการหาเสียงครั้งนี้ มีความเกี่ยวข้องกับการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าในอนาคต
ราคาหุ้นของ BEM และ BTS หลังการเปิดตลาดหุ้นวันแรกเมื่อทราบผลเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ (วันที่ 23 พ.ค.65) พบว่าวิ่งสวนทางกันอย่างเห็นได้ชัด โดยราคาหุ้น BEM ปรับเพิ่มขึ้น 2.84% หรือลดลง 0.25 จุด ขณะที่ราคาหุ้น BTS ปรับลดลง 2.78% หรือลดลง 0.25 จุด ซึ่งเป็นไปได้ว่ามีคนที่ขายหุ้น BTS แล้วเปลี่ยนมาซื้อหุ้น BEM แทน เพราะต้องการคงสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มธุรกิจนี้
ทำไม BTS ถึงเจอแรงกดดัน
บล. กรุงศรี ระบุว่า นโยบายการไม่ต่อสัมปทานกับ BTS ที่จะหมดอายุในปี 2572 และความต้องการคงค่าโดยสารในระดับ 20-25 บาทตลอดสายสีเขียว จะสร้างโมเมนตัมเชิงลบต่อหุ้น BTS อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวตลาดอาจจะคลายกังวลได้ เนื่องจากมูลค่าการต่อสัมปทานของ BTS หลังหมดอายุลง จะไม่กระทบต่อ valuation ของหุ้นที่วิเคราะห์เอาไว้
อีกทั้งมองว่าการต่อสัมปทานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับกรุงเทพฯ เพราะยังมีหนี้ค้างชำระอย่างน้อย 32,000 ล้านบาท สำหรับงานควบคุมและตรวจสอบระบบ (M&E) และงานเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ตั้งแต่ปี 2562 นอกจากนี้ ในระยะยาวยังมีหนี้อีกกว่า 50,000 ล้านบาท จากงานโยธาของสายสีเขียวส่วนต่อขยาย
บล. กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดมีความกังวลต่อการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่จะหมดอายุ รวมทั้งนโยบายที่จะลดค่าแรกเข้าและค่าโดยสารลงจากปัจจุบัน ทำให้เป็น sentiment ลบต่อหุ้น BTS และบริษัทอื่นๆ ในเครือ อาทิ VGI และ PLANB ที่อาจได้รับผลกระทบในส่วนรายได้โฆษณาหากการต่อสัญญาสัมปทานสะดุด
BEM วิ่งสวนทาง รับผลบวก
ขณะที่ราคาหุ้น BEM กลับมีความโดดเด่นขึ้นมาทันที โดย บล.หยวนต้า ให้ความเห็นว่าเกิดจากความคาดหวังต่อความคืบหน้าเรื่องการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย ทำให้มีนักลงทุนที่ขายหุ้น BTS จากผลกระทบเชิงลบ สลับมาลงทุนในหุ้น BEM แทน
ดังนั้น ในระยะสั้นราคาหุ้น BEM ค่อนข้างมีความน่าสนใจกว่า BTS จากปัจจัยหนุนเฉพาะตัวในเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม ประกอบกับการกลับมาเปิดเมืองทำให้จำนวนผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ประกอบกับค่า P/E ของ BEM ที่ยังต่ำกว่า BTS อีกด้วย ทว่าการเข้าเก็งกำไรต้องระมัดระวัง เพราะหากการประมูลสายสีส้มมีความชัดเจนแล้ว อาจเห็นการ Sell on Fact ออกมาได้
บล. กสิกรไทย เปิดเผยว่า ทิศทางของ BEM สดใสจากการเปิดประเทศ เริ่มเปิดโรงเรียนและการกลับไปทำงานอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้จำนวนผู้ใช้ทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน คาดว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเปิดขายซอง TOR โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่า 140,000 ล้านบาท ในวันที่ 27 พฤษภาคม -10 มิถุนายน 2565
ถือว่าเป็น 2 หุ้นบิ๊กแคป ที่ทำธุรกิจคล้ายคลึงกันและเป็นคู่แข่งโดยตรงก็ว่าได้ หากมองเฉพาะธุรกิจโรงไฟฟ้า ปัจจุบัน BTS ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน (สายสุขุมวิท) รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (สายสีลม) และรถไฟฟ้าสายสีทอง ในส่วนของ BEM ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังเป็นผู้ให้บริการทางด่วนเส่นต่างๆ อีกด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- คมนาคมไล่บี้!! ขอปลัดกทม.ส่งมติสภากทม. จ้าง ‘กรุงเทพธนาคม’ ปมรถไฟฟ้าสายสีเขียว
- จับตาครม.วันนี้ระอุ! ปมรถไฟฟ้าสายสีเขียว คมนาคมเปิดโปง! ‘จ้างเดินรถ’ ไม่ผ่านสภากทม.- ผวาผิดพรบ.ฮั้ว
- ด่วน! 7 รัฐมนตรีภูมิใจไทย ‘บอยคอต’ ประชุมครม.วันนี้ – ค้านมหาดไทยขยายสัมปทานสายสีเขียว