สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ได้เปิดเผยมุมมองการลงทุนประจำไตรมาส 2 ปี 2565 จากผลสำรวจความเห็นของสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนทั้งหมด 27 แห่งออกมาแล้ว โดยวันนี้เราได้สรุปประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับทิศทางการลงทุน และรายชื่อหุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำมาฝากกัน ดังนี้
สำหรับทิศทางการลงทุนในปัจจุบัน ยังคงต้องจับตาสถานการณ์การเมืองโลกระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบของทั้งปี 2565 ให้สูงขึ้นจากเดิมที่เคยคาดไว้ จึงทำให้ต้องปรับลดคาดการณ์การขยายตัว GDP ไทยในปี 2565 จากเดิมที่ 3.71% เหลือเป็น 3.09%
โดยปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อทิศทางการลงทุนในปีนี้ คือ Fund Flows จากต่างประเทศ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรเติบโตโดดเด่น ส่วนปัจจัยด้านลบจะมาจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED สถานการณ์การเมืองในต่างประเทศ ปัจจัยเศรษฐกิจโลก และการเตรียมลดมาตรการ QE ทั่วโลก
ดังนั้น ทาง IAA คาดการณ์ว่า SET Index ณ สิ้นไตรมาส 2/2565 จะปิดที่ระดับ 1,688 จุด ส่วนใหญ่มองว่าตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในช่วง Sideways อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะปิดสิ้นปีที่ 1,747 จุด โดยแกว่งตัวในกรอบ 1,567 – 1,774 จุด ขณะที่ผลกำไรต่อหุ้น ( EPS ) ของบริษัทจดทะเบียนปี 2565 เฉลี่ยที่ 89.11 บาทต่อหุ้น คิดเป็นการเติบโต 9.33% จากปีก่อน
เปิดรายชื่อ 3 หุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์ แนะนำในไตรมาส 2/2565
สำหรับทิศทางการลงทุนในหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจค้าปลีก ธนาคาร และสื่อสาร ขณะเดียวกันแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจปิโตรเคมี พลังงานและสาธารณูปโภค และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมทั้งเปิดเผยรายชื่อหุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 4 สำนักขึ้นไป ด้วยกัน 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ BDMS, KBANK และ MAKRO
1. BDMS หรือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)
มองว่าผลประกอบการในปี 2565 สามารถฟื้นตัวดีต่อเนื่อง เพราะรับผลบวกจากการเปิดประเทศ ทำให้มีคนไข้ต่างชาติกลับมา ซึ่งหลังจากพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปแล้ว เชื่อว่าธุรกิจของ BDMS จะอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวกำไรจากเงินลงทุน เนื่องจากผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ไปแล้ว และโรงพยาบาลที่เปิดส่วนใหญ่ก็ผ่านจุดคุ้มทุนแล้วเช่นกัน
2. KBANK หรือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ประเมินว่ากำไรสุทธิจะเติบโต จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้น หนุนจากยอดสินเชื่อที่โตขึ้น และอัตราค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ปรับดีขึ้น แม้ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แต่ทิศทางกำไรของธนาคารมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น
3. MAKRO หรือ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)
คาดว่าหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ธุรกิจของ MAKRO จะได้ประโยชน์จากกำลังซื้อที่เริ่มกลับมา โดยคาดว่ากำไรปี 2565 และ 2566 จะเติบโต 82% และ 44% ตามลำดับ ขณะที่การรวมธุรกิจกับ Lotus’s ช่วยเพิ่มศักยภาพในการขายสินค้า และรายได้จากค่าเช่าของธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า
ทั้งนี้ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน หรือ IAA เป็นองค์กรความร่วมมือของนักวิเคราะห์การลงทุนไทย โดยมีบทบาทสำคัญในการดูแลและส่งเสริมการทำงานของนักวิเคราะห์ให้มีบทบาทวิจัยที่มีคุณภาพ เพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่งจะมีการสำรวจความคิดเห็นของสมาชิก หรือการทำ IAA Survey เป็นประจำทุกไตรมาส เกี่ยวกับมุมมองและทิศทางการลงทุนในอนาคต
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- พรีวิว ‘3 หุ้นแบงก์ใหญ่’ ก่อนประกาศงบโค้งแรก ปี 2565
- 5 หุ้นโรงพยาบาล สุขภาพการเงินแข็งแรง!!
- สรุป 10 หุ้น ‘ราคาเพิ่มขึ้นสูงสุด’ ไตรมาสแรกปี 2565