Stock - Finance

อ่านกลยุทธ์ ‘MAJOR’ ทุ่มเงินซื้อหุ้น ‘WORK’ และ ‘TKN’ ทำไม?

อ่านกลยุทธ์ MAJOR ทุ่มเงินซื้อหุ้น WORK และ TKN กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ของ WORK และผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ของ TKN

บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น MAJOR ผู้นำอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ของประเทศไทย โดยมีธุรกิจหลัก ได้แก่ โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่ง คาราโอเกะ และลานสเก็ตน้ำแข็ง บริการสื่อโฆษณา พื้นที่ให้เช่าและบริการ และธุรกิจสื่อภาพยนตร์ ทั้งนี้ ล่าสุด MAJOR ได้ขยับการลงทุนครั้งใหญ่พร้อมกันถึง 2 ดีล นั่นคือการเข้าถือหุ้นใน TKN และ WORK ซึ่งใช้เงินรวมกันมากกว่า 1,000 ล้านบาท

เมเจอร์

เริ่มกันที่การเข้าซื้อหุ้นในบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN จำนวน 69 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5% ของหุ้นทั้งหมด  เป็นการทยอยซื้อหุ้นผ่านกระดานตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ช่วงราคาระหว่าง 7.06 – 8.26 บาทต่อหุ้น คิดเป็นราคาเฉลี่ยที่ 7.82 บาทต่อหุ้น ทำให้บริษัทใช้เงินลงทุนไปประมาณ 540 ล้านบาท

 เมเจอร์ หลังเข้าซื้อหุ้น 2 ราย TKN และ WORK 

ภายหลังจากการเข้าลงทุนใน TKN ครั้งนี้ MAJOR กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ของ TKN และจะได้รับประโยชน์จากการเสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจร่วมกัน และขยายความความสามารถทางการแข่งขัน เช่น การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายป๊อปคอร์นสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มช่องทางรายได้สื่อในการประชาสัมพันธ์ทางการตลาดในอนาคต

เมเจอร์

ส่วนอีกดีลเป็นการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK จำนวน 22.1 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.0049 % ของหุ้นทั้งหมด และเป็นการทยอยซื้อผ่านกระดานตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นกัน ในช่วงราคาระหว่าง 22.41 – 25.75 บาทต่อหุ้น คิดเป็นราคาเฉลี่ยที่ 23.66 บาทต่อหุ้น โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 523 ล้านบาท

ภายหลังจากการเข้าลงทุนใน WORK ครั้งนี้ จะทำให้ MAJOR กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ของ WORK และบริษัทเปิดเผยว่าจะได้ประโยชน์ในการเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจ ด้วยการต่อยอดอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบันเทิงด้านการผลิตคอนเทนท์มากขึ้น

เมเจอร์

อย่างไรก็ตาม MAJOR อาจจะมีการเข้าลงทุนใน TKN และ WORK เพิ่มเติมหลังจากนี้ แต่ยืนยันว่าจะไม่เกิน 10%ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีอำนาจในการเข้าไปบริหารจัดการต่อโครงสร้าง หรือการกำหนดนโยบายการดำเนินธุรกิจของทั้ง 2 บริษัท

ทำไม MAJOR ต้องซื้อหุ้น WORK และ TKN

คำถามที่หลายคนสงสัยว่าทำ MAJOR ต้องเข้าลงทุนในธุรกิจสื่อและขนมขบเคี้ยวด้วย เราขอสรุปให้เห็นภาพและเข้าใจง่ายออกเป็น 2 เหตุผล ดังนี้

เหตุผลแรก คือ การต่อยอดศักยภาพทางธุรกิจร่วมกัน

จะเห็นว่า MAJOR มีโอกาสต่อยอดธุรกิจได้มากจากการร่วมมือกับ WORK ในการผลิตภาพยนตร์ ซึ่งจะได้ทีมโปรดักชันที่มีประสบการณ์มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งในด้านคอนเทนต์ ขณะที่ TKN ก็สามารถต่อยอดด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มผ่านช่องทางต่างๆ ทั้ง โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่งคาราโอเกะ และลานสเก็ตน้ำ เป็นต้น

เหตุผลที่สอง คือ การกระจายความเสี่ยงเพิ่มช่องทางสร้างรายได้

ในช่วง 2 ปีหลังมานี้ ผลการดำเนินงานของ MAJOR อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้บริษัทต้องปรับตัว และมองหาวิธีสร้างรายได้ที่หลากหลายขึ้น หนึ่งในั้นคือการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่นๆ นั่นเอง ซึ่งการเข้าลงทุนครั้งนี้บริษัทจะได้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่สูงจากหุ้น WORK และ TKN อีกด้วย

เมเจอร์

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ระบุว่า MAJOR นำเงินลงทุนใน WORK และ TKN มาจากการขายหุ้นบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF ออกไป  ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดจำนวนมาก และมีความพร้อมสำหรับการลงทุนต่อยอดเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจเพิ่มเติม ดังนั้นจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น MAJOR ที่ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 25 บาทต่อหุ้น

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย วิเคราะห์ว่า ห่วงโซ่มูลค่าโรงภาพยนตร์ของ MAJOR กำลังแข็งแกร่งขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของกำไรที่แข็งแกร่งตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับก่อนเกิดโควิด-19 ประกอบกับความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงด้านเนื้อหากับ OTT Platform ระดับโลก จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น MAJOR ด้วยราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 23.89 บาทต่อหุ้น

หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำหรือแนะนำให้ซื้อ ถือหรือขายหุ้นแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน