Stock - Finance

สำรวจ ‘7 หุ้นโรงกลั่น’ พร้อมเช็คอนาคตการลงทุนปีนี้

7 หุ้นโรงกลั่น พร้อมเช็คอนาคตการลงทุนปีนี้ หุ้นโรงกลั่นและปิโตรเคมีถูกเพิ่มมูลค่าอีกครั้ง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันและราคาพลังงานเพิ่มขึ้น

หุ้นกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีในตลาดหุ้นไทย ประกอบไปด้วย 7 ตัวหลัก ได้แก่ BCP หรือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), GGC หรือ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน), IRPC หรือ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน), IVL หรือ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน), PTTGC หรือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน), SPRC หรือ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน), TOP หรือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

หุ้นโรงกลั่น

ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หุ้นโรงกลั่นและปิโตรเคมีถูกเพิ่มมูลค่าอีกครั้ง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันและราคาพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถกลับมาดำเนินต่อไปได้ตามปกติ ซึ่งส่งผลบวกโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มนี้

บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเปิดประเทศในหลายพื้นที่ทั่วโลก หนุนให้แนวโน้มความต้องการต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นในวงกว้าง ขณะเดียวกันการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะส่งผลให้ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ อยู่ที่ระดับ 7.38 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 4 เดือน

ขณะที่ราคาปิโตรเคมีและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นและอุปสงค์ในภูมิภาคที่แข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นส่วนต่างราคาเอธิลีน (Ethylene) , พอลิโพรพิลีน (PP) และโมโนเอทิลีนไกลคอล (MEG) นอกจากนี้ ผลจากนโยบายการควบคุมมลพิษของประเทศจีน สินค้าคงคลังในสิงคโปร์ที่ลดลง และความล่าช้าในการเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่ เชื่อว่าจะเป็นอัพไซด์ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมีในอนาคต

สรุปงบประจำปี 2564 หุ้นโรงกลั่น

1. PTTGC หรือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รายงานกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 44,982 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 22,435% จากปีก่อน เนื่องจากราคาขายปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และรับรู้ผลกำไรจากสต็อกน้ำมัน

2. IVL หรือ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ) รายงานกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 26,288 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 989% จากปีก่อน โดยมีการเติบโตทั้งสามกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ Combined PET (CPET), Fibers และ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) ในทั้งสามภูมิภาคหลักคือ อเมริกาเหนือ ยุโรปและเอเชีย

หุ้นโรงกลั่น

3. IRPC หรือ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) รายงานกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 14,504 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนที่ขาดทุน เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ ทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มคลี่คลาย

4. TOP หรือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รายงานกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 12,578 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนที่ขาดทุน จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวดีขึ้นตามอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้น

5. BCP หรือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 7,623 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนที่มีผลขาดทุน โดยรับผลดีจากการลงทุนในธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ OKEA ในนอร์เวย์ ส่วนกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันยังปรับตัวดีขึ้นตามตลาดโลก

6. SPRC หรือ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รายงานกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 4,746 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนที่มีผลขาดทุน โดยมีผลงานดีขึ้นจากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น กำไรจากสต๊อกน้ำมัน และการควบคุมค่าใช้จ่ายตลอดปีที่ผ่านมา

7 . GGC หรือ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) รายงานกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 330 ล้านบาท ปรับลดลง 41.04% จากปีก่อน เนื่องจากการตั้งสำรองความเสียหายหลังศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายวัตถุดิบพร้อมดอกเบี้ยรวม 444 ล้านบาท ประกอบกับปริมาณขายเคมีภัณฑ์เมทิลเอาเทอร์และแฟตตี้แอลกอฮอล์ที่ปรับลดลง

หุ้นโรงกลั่น

ที่มา: บทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2565

หุ้นโรงกลั่นจัดเป็นกลุ่มที่มีวัฎจักร และมีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ในต่างประเทศเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโรงกลั่นส่วนใหญ่พยายามที่จะทรานฟอร์มธุรกิจไปสู่เคมีภัณฑ์มูลค่าสูงกันมากขึ้น เพราะมีความต้องการสูงและให้มาร์จินที่ดีกว่าการกลั่นปิโตรเลียมเพียงอย่างเดียว ซึ่งถือว่าเป็นสตอรี่ที่น่าสนใจทีเดียว

หมายเหตุ | บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำหรือแนะนำให้ซื้อ ถือหรือขายหุ้นแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน