Stock - Finance

รู้จักเหรียญคริปโต สัญชาติไทย ‘KUB-JFIN-SIX’ โอกาสและความเสี่ยง?

คริปโต เมื่อพูดถึงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ก่อนหน้านี้ทุกคนคงจะนึกถึงเหรียญชื่อดังในระดับโลก เช่น Bitcoin, Ethereum, Binance Coin, XPR, ADA และ Litecoin เป็นต้น แต่ตอนนี้วงการคริปโตฯ เมืองไทย กำลังเติบโตอย่างมาก ยอดการเทรดของแพลตฟอร์ม Exchange สามารถขึ้นไปติดอันดับท็อป 10 ของโลก ที่มีการซื้อ-ขายสูงสุดเป็นที่เรียบร้อย

ทำให้ปัจจุบันมีเหรียญคริปโตที่ริเริ่มแนวคิด โดยคนไทยออกมาให้เลือกลงทุนอยู่มากมาย หลายเหรียญก็ติดลมพุ่งสู่ดวงจันทร์ (to the moon) ดังไกลระดับโลก แต่ก็มีอีกหลายเหรียญที่มีอายุอันสั้น ระดมทุนได้ไม่นานกลับล้มหายตายจากกันไป

คริปโต

คริปโต 3 เหรียญคริปโตสัญชาติไทย

วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 3 เหรียญคริปโตสัญชาติไทย ที่ได้รับความนิยมสูง มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น และเป็นเหรียญพื้นฐานที่ทุกคนควรรู้จักเบื้องต้น

1. KUB Coin
ผู้พัฒนา : บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (Bitkub Blockchain Technology)
เปิดตัวครั้งแรก : พฤษภาคม 2564

เหรียญ KUB ออกโดยแพลตฟอร์มเทรดคริปโตชื่อดังของไทย Bitkub ของ “ท๊อป” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา โดยเริ่มแรกมีจำนวนเหรียญในตลาด 1,000 ล้านเหรียญ ก่อนที่วันที่ 1 พฤศจิกายน จะลดปริมาณเหรียญเหลือเพียง 110 ล้านเหรียญ เพื่อลดปริมาณซัพพลายในระบบ และล่าสุดในวันที่ 1 ธันวาคม ถึงมีการปลดล็อกเหรียญ KUB จำนวน 2.4 ล้านเหรียญ

ความน่าสนใจของ KUB คือการอยู่ภายใต้การพัฒนาของแพลตฟอร์มชั้นนำ ถูกถือหุ้นโดยกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ในสัดส่วน 51% และยังมีการจับมือกับพาร์ตเนอร์ที่เป็น Validator Node (ผู้ตรวจสอบธุรกรรม) กับ 11 บริษัทชั้นนำของไทย ได้แก่ บริษัท ทีพีซีเอส จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน), บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน), บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน), บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน), บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เก็ทลิงส์ (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด, SIX Network PTE. Ltd. และ SmartContract Blockchain Studio

โดยเหรียญ KUB ถือเป็น Utility Coin ไว้ใช้สำหรับการจ่ายค่าธรรมเนียม หรือที่ในวงการคริปโตเรียกกันว่า “ค่า Gas” สำหรับธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนเครือข่าย Kub Chain เพื่อรองรับโปรเจกต์ DEX (Decentralized Exchange), Defi (Decentralized Finance) และ Dapps อีกมากมายที่จะมาสร้างบนเครือข่ายดังกล่าว และยังสามารถใช้เหรียญ KUB ในการลดค่าธรรมเนียม (Fee Credit) บนกระดานเทรดของเว็บไซต์ Bitkub ได้อีกด้วยเช่นกัน

ดังนั้น KUB จึงเป็นเหรียญที่ค่อนข้างได้รับความน่าเชื่อถือ โดยมีเป้าหมายให้เกิดการนำไปใช้งานกับภาคธุรกิจในรูปแบบ Utility Coin สำหรับการจ่ายค่าธรรมเนียม ทั้งนี้ ราคาของเหรียญ KUB เคยพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดที่ 500 บาท เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เนื่องจากข่าวการเป็นพาร์ทเนอร์ของ Bitkub กับ The Mall จัดตั้ง Bitkub M ดิจิทัลคอมมูนิตี้แห่งแรกของไทยที่ใช้แลกเปลี่ยนความรู้สินทรัพย์ดิจิทัล

คริปโต

คริปโต กระแสความนิยมในเมืองไทย

2. JFIN Coin
ผู้พัฒนา : บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC)
เปิดตัวครั้งแรก : พฤษภาคม 2561

JFIN คือเหรียญดิจิทัลแรกของไทยที่ออกระดมทุน ICO ที่จำนวน 100 ล้านโทเคน และยังเป็นโครงการของเจเวนเจอร์ส ซึ่งเป็นบริษัย่อยของ JMART ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) อีกด้วย ทำให้ในตอนนั้น JFIN สร้างความตื่นเต้นให้นักลงทุนอย่างมาก เพราะเป็นการเปิดตลาดวงการคริปโตในบ้านเราให้เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

แนวคิดของ JFIN เป็นเหรียญประเภท Utility Token เพื่อใช้เป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น การปล่อยสินเชื่อออนไลน์ และระบบชำระเงินผ่านมือถือ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของกลุ่ม JMART อีกทั้งยังมีกระแสข่าวว่าจะมีการร่วมมือกับกลุ่ม BTS นำ JFIN ให้สามารถชำระค่าใช้บริการรถไฟฟ้า BTS รวมถึงบริการต่างๆ ในเครือ

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ราคาเหรียญ JFIN ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 248 บาท ตามกระแสการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัลในประเทศไทย ถือว่าเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดนับจากช่วงราคา ICO ที่อยู่หน่วยละ 6.6 บาท

3. SIX Token
ผู้พัฒนา : SIX Network โดย Ookbee และ Computerlogy
วันเปิดตัวครั้งแรก : เมษายน 2561

เหรียญ SIX Token ถูกพัฒนาโดยบริษัทสตาร์ตอัพ 2 กลุ่ม คือ คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ Ookbee และคุณวัชระ เอมวัฒน์ Computerlogy โดยเปิดระดมทุน ICO ครั้งแรกในปี 2561 ได้สูงถึง 520 ล้านโทเทน และมีจำนวนเหรียญในระบบทั้งหมด 1,000 ล้านโทเทน

จุดเริ่มต้นนั้นตั้งใจพัฒนาเพื่อบันทึกข้อมูลลิขสิทธิ์และซื้อขายแลกเปลี่ยนผลงานของกลุ่ม Content Creator และปัจจุบันมีการพัฒนาทำ Farming/Staking เพื่อรับผลตอบแทนในรูปแบบ Liquidity Investment Token ที่มีลักษณะคล้ายกับการฝากเงินและรับดอกเบี้ย โดยราคาของ SIX Token พุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 19 บาท เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564

ทั้งหมดนี้ก็เป็น 3 เหรียญดิจิทัลสัญญาชิไทยที่เราพาไปรู้จัก แต่ขอย้ำว่านี่ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน ผู้สนใจควรศึกษาข้อมูลให้รอบครอบ ไม่ควรประมาทเด็ดขาด เพราะคงเห็นแล้วว่าเหรียญแต่ละสกุลมีความผันผวนขึ้นลงเร็วมาก มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงรออยู่เต็มไปหมด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน