Stock - Finance

เจาะหุ้นกลุ่มค้าปลีกตัวท็อป ‘SSSG’ ใครดีสุด?

หุ้นกลุ่มค้าปลีกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถือว่ามีให้นักลงทุนเลือกอยู่หลากหลายตัว โดยเสน่ห์ของหุ้นกลุ่มนี้ก็คือ การเป็นสินค้าจำเป็นที่คนต้องกินต้องใช้ทุกวัน ทำให้เวลามีวิกฤติหนักๆ ธุรกิจก็ยังพอเดินหน้าต่อไปได้ แม้จะเติบโตแบบสวยหรูเหมือนช่วงเศรษฐกิจดีก็ตาม

สำหรับใครที่สนใจลงทุนในหุ้นค้าปลีกใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตัวเลขสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลย นั่นก็คือ SSSG หรือ Same Store Sales Growth ซึ่งเป็นตัวเลขแสดงการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม ถ้า SSSG เป็นบวก หมายความว่ายอดขายของสาขาเดิมยังเติบโตได้ดี แต่หากเป็นลบ ก็แปลได้ว่าหากหยุดขยายสาขาเมื่อไหร่ รายได้จะตกทันที 

หุ้นกลุ่มค้าปลีก

SSSG ถือว่าสำคัญมากในการวิเคราะห์หุ้นค้าปลีก โดยเฉพาะช่วงจังหวะแบบนี้ เพราะเป็นช่วงที่หลายบริษัทไม่สามารถขยายสาขาเพิ่มได้ เนื่องจากต้องประหยัดต้นทุนเอาไว้ก่อน ซึ่งการเปิดสาขาใหม่ต้องลงทุนเยอะทั้งทางตรง เช่น ค่าอาคารสถานที่ ค่าพนักงาน และทางอ้อม เช่น ค่าสร้างศูนย์กระจายสินค้า ค่าวางระบบ

5 บิ๊กหุ้นกลุ่มค้าปลีก SSSG ใครปังใครแป้ก

วันนี้เราจะพาไปเจาะหุ้น 5 บิ๊กหุ้นค้าปลีกว่า SSSG ใครปังใครแป้กบ้างเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบด้วยหุ้น CPALL, BJC, CRC, MAKRO และ HMPRO 

หุ้นกลุ่มค้าปลีก

1. CPALL – บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

SSSG ในไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ 0% ถือว่าดีขึ้นจากปี 2563 ที่ -20%

2. BJC – บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)

SSSG ในไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ -13% ถือว่าดีขึ้นจากปี 2563 ที่ -17%

3. CRC – บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

SSSG ในไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ 12% ถือว่าดีขึ้นจากปี 2563 ที่ -35%

4. MAKRO – บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)

SSSG ในไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ 6% ถือว่าดีขึ้นจากปี 2563 ที่ -3.6%

5. HMPRO – บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)

SSSG ในไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ -17% ถือว่าแย่ลงจากปี 2563 ที่ 7%

วิเคราะห์จากข้อมูลเราจะเห็นเลยว่าในปีนี้ CRC และ MAKRO ที่มี SSSG เริ่มกลับมาเป็นบวกได้ ซึ่งทางด้าน MAKRO ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเนื่องจากสินค้าที่ขายเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นต่อการใช้ชีวิต และได้ประโยชน์จากการกักตุนสินค้าของประชาชน

แต่ที่น่าสนใจคือ CRC แม้สาขาส่วนใหญ่จะอยู่บนห้างฯ แต่กลับสามารถทำ SSSG ยังเป็นบวกได้ ซึ่งเมื่อดูเข้าไปในรายละเอียด บริษัทมีปัจจัยหนุนมาจากการเติบโตของธุรกิจฮาร์ดไลน์ของ “ไทวัสดุ” รวมถึงการโฟกัสสินค้า Private Brand ที่มีระดับมาร์จินสูงให้มีสัดส่วนมากขึ้น

ส่วนหุ้น CPALL ที่ไตรมาสนี้ SSSG ไม่ติดลบแล้วจากสาขาเดิมของ 7-11 ที่ทยอยกลับมาเปิดใหม่ได้อีกครั้ง และคาดการณ์ว่าตั้งแต่ไตรมาส 2/2564 เป็นต้นไป SSSG น่าจะพลิกเป็นบวก เพราะมาตรการกระตุ้นภาครัฐที่จะทยอยหมดลง ทำให้ผู้บริโภคกลับมาเข้าร้านสะดวกซื้อ

จะเหลือก็แต่หุ้น BJC และ HMPRO ที่ยังต้องเอาใจช่วยให้ SSSG กลับมาเป็นบวกได้อีกครั้ง เพราะเป็นปัจจัยเสริมสำคัญที่จะหนุนการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ก็ว่าได้ เนื่องจากทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนครั้งถัดไปน้อยลง และช่วยเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวได้แน่นอน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน