หุ้นนางงามคืนชีพ “MGI” วิ่งแรง 30% รับกำไรโตแกร่ง สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะหุ้นตัวแรก ที่ถูกแขวนเครื่องหมาย P
บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น MGI ผู้จัดประกวดเวทีนางงามมิสแกรนด์ ได้สร้างปรากฏการณ์ราคาหุ้นอีกครั้ง ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 โดยวันเดียวบวกไปถึง 30% ราคาหุ้นขึ้นไปแตะระดับ 15.30 บาทต่อหุ้น โดยเป็นการขึ้นชนราคาเพดานสูงสุดระหว่างวัน หรือ Ceiling Price
ทั้งนี้ MGI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ที่ราคา IPO 4.95 บาทต่อหุ้น ใช้เวลาเพียง 2 เดือน ราคาหุ้นก็พุ่งกระฉูดกว่า 400% เคยขึ้นไปสูงสุดถึงระดับ 65 บาทเลยทีเดียว ก่อนที่จะปรับฐานลงมาหลังจากเกิดกระแสว่าราคาหุ้นโดนปั่นไปไกลเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน
นอกจากนี้ MGI ยังสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะหุ้นตัวแรกที่ถูกแขวนเครื่องหมาย P ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการใช้มาตรการกำกับการซื้อขายสูงสุด สำหรับหุ้นที่มีการซื้อขายผิดปกติ
หุ้นนางงาม ไตรมาส 2 รายได้-กำไร โตแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ราคาหุ้นพุ่งแรง พุ่งเร็ว ของ MGI ก็กลับมาอีกครั้ง หลังบริษัทได้รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีรายได้รวม 237.28 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 10.58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 58.93 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 32.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับการเติบโตดังกล่าว เนื่องมาจากธุรกิจพาณิชย์ของบริษัทเติบโตขึ้น จากการจัดกิจกรรมให้ผู้ประกวดมิสแกรนด์ และมีการขายสินค้าของบริษัทได้มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งการจำหน่ายผ่านช่องทาง TikTok มีการตอบรับอย่างดี
รวมถึงธุรกิจ สื่อและบันเทิง และธุรกิจบริหารจัดการ ศิลปิน มีการเติบโตขึ้น เนื่องจากการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนปี 2024 เสร็จสิ้น บริษัทจึงได้ศิลปินเพิ่มอีกจำนวน 10 คน อีกทั้งศิลปินเดิมก็ยังคงมีรายได้อย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้ภาพรวม 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 80.13 ล้านบาท เติบโตขึ้นที่ 53.80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับรายได้รวม 388.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
MGI ตั้งงบ 60 ล้านบาท ขยายธุรกิจใหม่
นอกเหนือจากผลประกอบการที่เติบโตแข็งแกร่งแล้ว จุดที่ประเด็นความสนใจต่อหุ้น MGI ก็คือการประกาศขยายการลงทุนในธุรกิจค้าเครื่องประดับที่ทำจากเพชร พลอย อัญมณีมีค่า และธุรกิจเวชกรรมคลินิก ด้วยเงินลงทุนรวม 60 ล้านบาท แบ่งออกเป็น
1. อนุมัติการลงทุนในธุรกิจค้าเครื่องประดับที่ทำจากเพชร พลอย อัญมณีมีค่า ในลักษณะเป็นหน่วยธุรกิจของบริษัทหรือจัดตั้งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดยหากเป็นในกรณีตั้งบริษัทย่อย ทาง MGI จะเข้าถือหุ้น 100% แต่ถ้าเป็นกรณีจัดตั้งเป็นบริษัทร่วมทุน ทาง MGI จะเข้าไปร่วมลงทุนสัดส่วน 55% และมีผู้ร่วมลงทุนอื่นถือหุ้น 45%
กำหนดทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 5.50 ล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียน 24.50 ล้านบาท โดยรวมเงินลงทุนทั้งสิ้นไม่เกิน 30 ล้านบาท แหล่งเงินลงทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท
2. จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อดำเนินธุรกิจเวชกรรมคลินิก ในลักษณะจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทโดย MGI ถือหุ้น 100%
กำหนดทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 ล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียน 29 ล้านบาท โดยรวมเงินลงทุนทั้งสิ้นไม่เกิน 30 ล้านบาท แหล่งเงินลงทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท
โดยการเข้าลงทุนในทั้ง 2 ธุรกิจดังกล่าวข้างต้น บริษัทมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในของกลุ่มบริษัท ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม เรายังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับดีลการลงทุนดังกล่าวของ MGI ซึ่งคงต้องรอการแถลงข่าวอีกครั้งจากทางบริษัท ทว่าการที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปรอก่อนแบบนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องจับตามองให้ดี และควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ตลาดหลักทรัพย์’ แจงชัด!! ‘หุ้น MGI’ ไม่ได้รับการอนุญาตให้ทำ short selling
- ‘หุ้น MGI’ กับ 10 ปรากฏการณ์ ที่ควรรู้!
- ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ตื่นมารับความรวย เปิดเงินปันผล สาเหตุที่ไม่ยอมขายหุ้น MGI เด็ดขาด
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg