“STA” ได้เวลาฟื้น ลุ้นราคาหุ้นเทิร์นอะราวด์ ปี 2567 ธุรกิจยางพารากำลังจะสิ้นสุดวัฏจักรขาลงของอุตสาหกรรม ลุ้นผลประกอบการไตรมาส 2
หากยังจดจำกันได้ STA หรือ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ถือเป็น Super Stock ที่ราคาทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว โดยผลตอบแทนระหว่างปี 2564 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 200% ก่อนที่จะค่อยๆ ชะลอตัวลงมาหลังการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด
โดย STA เป็นหุ้นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยางธรรมชาติแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำการทำสวนยางพารา ธุรกิจกลางน้ำผลิตภัณฑ์ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน น้ำยางข้น รวมถึงธุรกิจปลายน้ำอย่างถุงมือยาง และสินค้าสำเร็จรูปต่างๆ
แต่มีสัญญาณว่าในปี 2567 ธุรกิจยางพารากำลังจะสิ้นสุดวัฏจักรขาลงของอุตสาหกรรม และหนุนให้ราคาหุ้น STA จากถอยหลังสู่การเดินหน้าอีกครั้ง สะท้อนให้เห็นในราคาหุ้น STA ตั้งแต่ต้นปีที่บวกไปแล้วถึง 44.17% ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2567
สาเหตุสำคัญมาจากแนวโน้มราคายางธรรมชาติที่แข็งแกร่ง เนื่องจากไม่มีอุปทานใหม่ออกมามากนัก ทำให้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้อุตสาหกรรมอยู่ในภาวะขาดแคลนวัตถุดิบ นอกจากนี้ การใช้มาตรฐาน EUDR (กฎหมายที่ห้ามไม่ให้ค้าขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าไปยุโรป) จะช่วยหนุนอัตรากำไรของบริษัทให้ดีขึ้น เพราะไทยถือเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์หลักจากนโยบายดังกล่าว จากศักยภาพในการเข้ามาตรฐาน EUDR เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ดี ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทยังมีบันทึกขาดทุนสุทธิ 329.70 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำกำไรสุทธิ 287.92 ล้านบาท เนื่องจากการอ่อนตัวของกำไรในธุรกิจยางธรรมชาติ
ทว่าในแง่ของรายได้และปริมาณการขายถือว่าปรับตัวดีขึ้น โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 23,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ปริมาณการขายธรรมชาติเพิ่มขึ้น 1.3% เป็น 317,872 ตัน รวมถึงปริมาณการขายถุงมือยางทั้งไตรมาสเพิ่มขึ้นเป็น 10,091 ล้านชิ้น ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล. หยวนต้า เปิดเผยว่า คาดผลประกอบการในไตรมาส 2/2567 ทาง STA จะพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้งในรอบ 5 ไตรมาส หนุนจากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น สะท้อนราคายางในตลาด SICOM ได้มากขึ้น ประเมินว่าจะอยู่ที่ราว 160-165 Cent/kg จากเฉลี่ยไตรมาส 1/2567 ที่ 155 Cent/kg ส่วนปริมาณขายคาดทรงตัวที่ราว 3.2 แสนตัน
อีกทั้งบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากยาง EUDR เป็นไตรมาสแรก ราว 1.5 หมื่นตัน จะช่วยหนุนราคาขายเฉลี่ย และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ส่วนธุรกิจถุงมือยางคาดราคาขายเฉลี่ยปรับขึ้นราว 10% จากการปรับราคาขายเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น
ดังนั้น จึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567-2568 ขึ้น 26% เป็น 1,414 ล้านบาท และ 2,413 ล้านบาท ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานราคาขายเฉลี่ยยางสูงขึ้น รวมถึงสะท้อนปริมาณขายยาง EUDR ที่สูงขึ้นกว่าเดิมที่ประเมินไว้
พร้อมกันนี้มองว่าราคาหุ้น STA มีโอกาสไปต่อ จึงปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 24 บาทต่อหุ้น และอัปเกรดคำแนะนำเป็น “ซื้อ” แม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาโดดเด่นในช่วงก่อนหน้า แต่เชื่อว่ามาจากฐานที่ต่ำ สะท้อนเพียงการฟื้นตัวของผลประกอบการเท่านั้น ยังไม่ได้สะท้อนอัพไซด์ จากประเด็นยาง EUDR ที่จะหนุนการเติบโตของ STA อย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับมุมมองของ บล. กรุงศรี มีประเด็นต่อหุ้น STA ได้แก่
1. คาดปริมาณขายยางเพิ่มจาก 1.3 ล้านตัน ในปี 2566 เป็น 1.5 ล้านตัน ในปี 2567
2. แนวโน้มราคายางแท่งและราคายาง EUDR เพิ่มขึ้นจากความต้องการของอียูและจีน
3. การเพิ่มสัดส่วนยาง EUDR คาดว่าทิศทางเพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณที่ดีจะช่วยเพิ่ม GPM ให้กับบริษัท
4. STA เป็นหนึ่งในบริษัทกลางน้ำธุรกิจยางส่งออกที่มีศักยภาพในการผลิตยาง EUDR ที่มีความต้องการสูง ทำให้ GPM และยอดขายเติบโตในอนาคต
โดยปรับคำแนะนำการลงทุนหุ้น STA เป็น “Trading Buy” พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2567 เป็น 20.40 บาทต่อหุ้น และปี 2568 เป็น 233.40 บาทต่อหุ้น เนื่องจากชอบความโดดเด่นในการเข้าหาตลาดยาง EUDR ของบริษัท
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เศรษฐา’ แฮปปี้! บอกได้ยินข่าวดีราคายางพาราแตะ 90 บาท พุ่งสูงสุดในรอบ 7 ปี
- กางสถิติ ‘Sell in May’ ตลาดหุ้นไทย ไม่ได้จริงเสมอไป!
- สู้..หรือ..ถอย!! เปิดเทคนิคการลงทุนช่วงตลาดหุ้นผันผวน ใช้ 3 ถ. ช่วยตัดสินใจ
- ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg