Stock - Finance

อัปเดตมุมมองหุ้น ‘GULF’ มีโอกาสอะไรรออยู่?

อัปเดตมุมมอง “หุ้น GULF” กำไรชะลอ แต่มีโอกาสอะไรรออยู่? ที่จะกลับไปแข็งแกร่งในไตรมาสต่อไป

ล่าสุดวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ผู้ประกอบธุรกิจพลังงานรายใหญ่ของประเทศไทย ได้ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ของปี 2567 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ

สรุปโดยรวมคือ ในไตรมาสนี้ GULF มีรายได้รวม 32,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) อยู่ที่ 4,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่บรรทัดสุดท้ายกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,498.52 ล้านบาท ลดลง 9.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

หุ้น GULF

จะเห็นว่ากำไรจากการดำเนินธุรกิจนั้นยังเติบโตดี  มีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ที่มีการขยายกำลังการผลิต และมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ คือจาก 469 บาทต่อล้านบีทียู ในไตรมาส 1/2566 เป็น 351 บาทต่อล้านบีทียู ในไตรมาสนี้

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่กดดันให้กำไรสุทธิชะลอตัวลง เนื่องด้วยการรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง จำนวน 653 ล้านบาท เพราะค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจาก 34.39 บาทต่อดอลลาร์ ณ สิ้นไตรมาส 4/2566 เป็น 36.63 บาทต่อดอลลาร์ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 ทั้งนี้ ผลกระทบดังกล่าวเป็นเพียงการบันทึกรายการทางบัญชี ไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดของ GULF แต่อย่างใด

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 GULF มีสินทรัพย์รวม 472,868 ล้านบาท หนี้สินรวม 324,563 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 148,306 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Interest-Bearing Debt to Equity) อยู่ที่ 1.70 เท่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.69 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากการเบิกเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

กำไรไตรมาสแรกลดลง แต่จะกลับไปแข็งแกร่งในไตรมาสต่อไป

แม้ GULF จะรายงานกำไรไตรมาส 1/2567 ลดลง แต่มุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังเห็นตรงกันว่า บริษัทจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในไตรมาส 2/2567 และมีโอกาสที่จะกำไรจะทำ New High ได้ อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside สูง หลังทยอยปรับตัวลงมาตั้งแต่ต้นปี

หุ้น GULF

หุ้น GULF มุมมองบล. บัวหลวง

บล. บัวหลวง คาดการณ์ว่า GULF จะรายงานกำไรหลักเป็นสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 2/2567 ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่

1. กำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้า IPP ใหม่

2. ปริมาณไฟฟ้าที่จ่ายมากกว่าปกติในกลุ่มโรงไฟฟ้า IPP ซึ่ง peak demand แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 37 GW ในเดือนเมษายน จึงคาดว่า กฟผ. จะเรียกซื้อไฟฟ้าจำนวนมากจาก GULF ในระหว่างเดือนดังกล่าว

3. ได้รู้กำไรเต็มไตรมาสสำหรับ GPD unit-3

4. อัตรากาไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP

5. ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่สูงขึ้น เป็นต้น

ทั้งนี้ จึงยังคงประมาณการกำไรหลักปี 2567 ที่ 1.83 หมื่นล้านบาท เติบโต 17% จากปี 2566 และคงราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2567 ที่ 68 บาทต่อหุ้น แนะนำ “ซื้อ” มองว่า GULF มีแนวโน้มกำไรหลักแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า และอาจมี Upside จากการลงทุนใหม่ๆ ผ่านแผน PDP ที่กำลังจะออกมาในอนาคต

หุ้น GULF

บล. เอเซีย พลัส แนะนํา Outperform ทยอยสะสมลงทุนระยะยาวในหุ้น GULF ราคาหุ้นยังเหลือ Upside สูง จากราคาเป้าหมาย 56 บาทต่อหุ้น โดยในช่วงระยะสั้นคาดหวังกําไรเติบโตทํา New High ในไตรมาส 2/2567 รวมถึงภาพระยะยาวยังมีโครงการขนาดใหญ่รอ COD ตามแผนอีกหลายโครงการ

คำแนะนำ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 56.5 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าแนวโน้มกำไรปกติจะแข็งแกร่งต่อเนื่องทั้งในระยะสั้นและในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ตามการ COD โครงการใหม่ ขณะที่ราคาหุ้นยังลดลง -7% YTD รวมถึงมีปัจจัยหนุนจากโอกาสการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่จากแผน PDP ฉบับใหม่ที่คาดจะออกมาเร็วๆ นี้

หุ้น GULF กับการขยายการลงทุน

ปิดท้ายด้วยเป้าหมายของผู้บริหาร GULF   นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า บริษัทยังคงประมาณการการเติบโตของรายได้รวมในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 25-30% จากโครงการที่ทยอยเปิดดำเนินการในปีนี้ สำหรับโครงการที่อยู่ในแผนต่อไป คือ โครงการ GPD หน่วยที่ 4 (662.5 เมกะวัตต์) กำหนด COD 31 ตุลาคม 2567

นอกจากนี้ GULF ให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานขยะ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 (Net Zero Carbon Emissions) ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งจาก พลังงานหมุนเวียน ที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนารวมทั้งสิ้นประมาณ 8,500 เมกะวัตต์ ใน 5 ประเทศ และมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า จากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 3,000 เมกะวัตต์ เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน