Stock - Finance

จับตาราคาทอง มิ.ย. ดีลเจรจาเพดานหนี้สหรัฐ อาจเกิด Sell on Fact

ออสสิริส (Ausiris) เผยแนวโน้มราคาทองคำเดือนมิถุนายน 2566 คาดดีลเพดานหนี้สหรัฐฯ ผ่านดอลลาร์ อาจเกิด Sell on Fact ทองอาจลุ้นไปต่อ ต้องจับตา 5 ปัจจัยผลกระทบ

นายพีระพงศ์ วิริยะนุเคราะห์ นักวิจัยอาวุโส แผนก Ausiris Intelligence บริษัท ออสสิริส จำกัด (Ausiris) ผู้เชี่ยวชาญด้าน Gold Investment กล่าวถึงสรุปสถานการณ์ราคาทองในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวทำจุดสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ระดับ 2,080 ดอลลาร์ต่ออนซ์

ราคาทองคำ

ขณะที่ราคาทองในประเทศ ทองคำแท่ง 96.5% ขายออกสูงสุดถึงบาทละ 32,650 บาท ทองรูปพรรณขายออกสูงสุดบาทละ 33,150 บาท อ้างอิงราคาจากสมาคมค้าทองคำ

ทั้งนี้ เนื่องจากได้รับแรงหนุนในช่วงต้นเดือน จากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย หลังธนาการสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณการหยุดพักการขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว กดดันดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า ฉุดบอนด์ยีลด์ร่วง

อีกทั้งความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารของสหรัฐฯ และเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ปรับตัวต่ำกว่าคาดการณ์ หนุนความเป็นไปได้ที่เฟดอาจชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนที่จะปรับตัวลดลงในช่วงเข้าสู่ช่วงกลาง-ปลายเดือนพฤษภาคม หลังนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลในการเจรจาการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่ไม่สามารถตกลงกันได้

จับตาราคาทอง ลุ้นเจรจาปรับเพดานหนี้สหรัฐ

สำหรับแนวโน้มราคาทอง เดือนมิถุนายนนี้ ยังคงน่าจับตามอง โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองประเด็นสำคัญแรก ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน ต้องจับตาการเจรจาปรับเพดานหนี้สหรัฐฯ หลังการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้รอบใหม่ระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน และประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

 

นายพีรพงศ์ วิริยะนุเคราะห์
พีระพงศ์ วิริยะนุเคราะห์

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะบรรลุการเจรจาขยายเพดานหนี้ครั้งสำคัญ ก่อนเส้นตายนี้ไปได้ ในแง่ผลกระทบทองคำในช่วงระหว่างการเจรจาอาจทำให้ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อและทองอาจปรับตัวร่วง

หากการเจรจาครั้งนี้บรรลุไปด้วยดี ระวังเกิด Sell on fact ดอลลาร์ อาจโดนเทขายทำกำไรแทน เพราะปัจจุบันดอลลาร์ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเก็งกำไร อาจส่งผลให้ทองปรับตัวขึ้นแทนที่จะลงได้

ในตรงกันข้าม หากการเจรจาครั้งนี้ไม่สำเร็จสหรัฐฯ อาจจะเผชิญการผิดนัดชำระหนี้ในครั้งประวัติศาสตร์ ผลที่ตามมาคือ ดอลลาร์ จะถูกขายอย่างรุนแรง เพราะผิดชำระหนี้ แน่นอนว่าพันธบัตรจะถูกลดเครดิตลง จากสถาบันจัดลำดับต่าง ๆ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลก

ทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อาจพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง

ฃประเด็นที่สอง ในวันที่ 2 มิถุนายน ต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ว่าตัวเลขแรงงานยังแข็งแกร่งหรือไม่ ซึ่งจะเป็นมาตรวัดหนึ่งที่เฟดจะใช้ในการประเมินทิศทางดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 15 มิถุนายน

ออสสิริส มองว่า หากตัวเลขแรงงานออกมาดี อาจเพิ่มแนวโน้มโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป สำหรับดอกเบี้ยสหรัฐฯ ล่าสุดอยู่ที่ 5.00-5.25%

ล่าสุดวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 57.4.% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ

shutterstock 672521500

ในตรงกันข้าม หากเฟดมองว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องขึ้น อาจทำให้กลับมาเป็นปัจจัยบวกต่อทอง

และประเด็นที่ 3 พลาดไม่ได้คือในช่วงวันที่ 13 มิถุนายน ยังคงต้องจับตาอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เนื่องจากล่าสุดอัตราเงินเฟ้อ ยังคงตัวในระดับสูงในเดือน เมษายน อยู่ที่ระดับ 4.9% ซึ่งยังห่างจากของเป้าของเฟดอยู่ที่ 2% ทำให้มองแนวโน้มว่าเฟดยังขึ้นดอกเบี้ยต่อในครึ่งปีที่เหลืออาจแตะ 5.25%-5.50%

ต้องมาติดตามกันต่อในส่วนของตัวเลขเดือนพฤษภาคม ว่าเงินเฟ้อจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด หากปรับตัวเพิ่มขึ้นอาจกดดันให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟด มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อ นับเป็นปัจจัยลบต่อราคาทอง

เงินเฟ้อสหรัฐ
กราฟ: ความเคลื่อนไหวอัตราเงินเฟ้อสหรัฐตั้งแต่ปี 2022 ถึงปัจจุบัน ล่าสุดอยู่ที่ 4.9%ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2021

ประเด็นที่ 4 ในวันที่ 15 มิถุนายน จับตาการประชุมเฟดคาดการณ์ว่า เฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 0.25% และอาจส่งสัญญาณยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากนั้น ผลคืออาจทำให้ราคาทองถูกกดดันช่วงก่อนการประชุม และอาจปรับตัวขึ้นหากเฟดส่งสัญญาณยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เริ่มส่งผลกระทบต่อบางอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย เนื่องจากต้นทุนจำนองเพิ่มขึ้น อีกทั้งภาคสถาบันการเงินอาจเสี่ยงล้มเพิ่มเติม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่คงตัวอยู่ในระดับสูง

ดอกเบี้ย
กราฟแสดง ความเคลื่อนไหวอัตราดอกเบี้ยสหรัฐตั้งแต่ปี 2022 ถึงปัจจุบัน

ประเด็นที่ 5 วันที่ 29 มิถุนายน จับตาประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ว่าการขยายตัวจากการบริโภคและการลงทุนในสหรัฐฯเพิ่มหรือไม่ หากมีการขยายตัวเพิ่มค่าเงินดอลลาร์จะปรับตัวแข็งค่าและกดดันราคาทอง

ขณะที่ปัจจัยอื่น ๆ อาทิ ประเด็นสงครามระหว่างรัฐเซียและยูเครน ยังคงร้อนระอุ และเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่จะหนุนราคาทองต่อไป หากสงครามยังไม่สิ้นสุด

สถิติที่น่าสนใจสำหรับราคาทองในตลาดโลกเดือนมิถุนายน 10 ปีย้อนหลัง

1. ราคาทองมีความผันผวนสูง ส่วนต่างระหว่างราคาสูงสุดกับราคาต่ำสุดของเดือนค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 111 ดอลลาร์ต่อออนซ์

2. ราคาทองทองคำส่วนใหญ่จะปิดลบมากกว่าปิดบวกอยู่ที่ 60%

ทองย้อนหลัง 5 ปี
กราฟ: ราคาไฮ High และ Low ต่ำสุดสำหรับราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงเดือนมิถุนายนแต่ละปีตั้งแต่ปี 2013-2022

แนวโน้มราคาทองในมุมทางเทคนิค

แนวโน้มราคาทอง คาดอยู่ในช่วงพักตัวบริเวณแนวรับสำคัญบริเวณ 1,950-1,935 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดแนวรับดังกล่าว คาดว่าจะมีแรงเทขายออกมามากและอาจปรับตัวลงไปที่แนวรับ 1,907-1,876 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากหลุดกรอบเทรนด์ไลน์คู่ขนานขาขึ้นใน TF1DAY

ทั้งนี้หากราคาทอง สามารถกลับตัวบริเวณแนวรับดังกล่าว เราอาจเห็นราคาทองกลับมาทดสอบแนวต้านบริเวณ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือมากกว่านั้นอีกครั้ง โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเบรคเหนือแนวต้าน 1,986 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขาขึ้นจะกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง กลยุทธ์การลงทุนแนะนำย่อซื้อหากยังไม่หลุดกรอบเทรนด์ไลน์ขาขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo