การแบ่งปันความรู้ การให้โอกาส และการสนับสนุนและส่งเสริม SME อย่างตรงจุด นับเป็น 3 อาวุธสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SME เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
“ศูนย์ 7 สนับสนุน SME” หรือ 7 SME Support Center ภายใต้การขับเคลื่อนของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ หนึ่งในหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน และส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ในทุกมิติ จึงได้ผนึกกำลังหลากพันธมิตร เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ และกิจกรรมดี ๆ อย่างต่อเนื่อง มุ่งหวังช่วยติดอาวุธด้านความรู้เสริมศักยภาพ SME ไทย
ล่าสุด จับมือกับพันธมิตรสำคัญ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) จัดสัมมนาออนไลน์ “SME 3ก แกร่ง เก่ง กล้า” ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 โดยได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.วีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มาบรรยายพิเศษในหัวข้อ “SME Unlock : ปลดล็อกอนาคต SME ด้วยการ Reskills & Upskills” พร้อมเปิดเกณฑ์คุณสมบัติ SME ที่จะได้รับการสนับสนุนตามมาตรการของหน่วยงานภาครัฐ
SME ไทยพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว
รศ.ดร.วีระพงศ์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อ SME ในช่วงไตรมาส 2/2563 ซึ่งเป็นระยะแรกของการแพร่ระบาด ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ของวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (GDP MSME) อยู่ที่-17.1% ถือว่าต่ำสุดในรอบ 5 ปี (2560-2564)
แต่เมื่อ SME เริ่มปรับตัวได้ประกอบกับได้รับการสนับสนุน และส่งเสริมตรงจุด ทำให้ตัวเลขการฟื้นตัวของ GDP MSME ปี 2564 ขยายตัว 3.0%
สำหรับในปี 2565 สสว.ประมาณการณ์ว่า GDP MSME จะมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 4.9% โดยมีปัจจัยบวกสนับสนุนหลากปัจจัย อาทิ การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุปสงค์โลก การใช้จ่าย และการลงทุนภาครัฐอย่างต่อเนื่องตามแผน การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวภายใต้มาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ การฟื้นตัวของความเชื่อมั่นและการลงทุนที่มากขึ้นของภาคเอกชนตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของภาครัฐ
Reskills และ Upskills หลากด้านให้ SME ควบคู่หนุนแหล่งเงินทุน
แม้ในปีนี้ SME ไทยจะมีปัจจัยหนุนในการเติบโต แต่ก็ยังคงมีปัจจัยลบอยู่ด้วยเช่นกัน อาทิ มีผลิตภาพที่ต่ำเกินไป มีจุดอ่อนด้านการพัฒนาดิจิทัล ใช้เทคโนโลยีในการประกอบธุรกิจน้อย และมีหนี้สินจำนวนมาก
ปัจจัยลบเหล่านี้ ถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการเติบของของ SME รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เพราะ SME มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ถึง 34.6% ซึ่งหมายความว่า หาก SME แข็งแรง ประเทศก็จะแข็งแรงด้วยเช่นกัน
สสว. ในฐานะหน่วยงานที่บูรณาการและผลักดันการส่งเสริม MSME จึงได้เร่งดำเนินการผลักดันแผนสนับสนุน SME โดยแบ่งออกเป็น 3 เรื่องหลัก ๆ ประกอบด้วย การเข้าถึงแหล่งเงินทุน การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และการขยายโอกาสทางการตลาด โดยจะถูกขับเคลื่อนผ่านกลไกที่ สสว. อยู่หรือพัฒนาให้ดีขึ้น ประกอบด้วย
1. ศูนย์กลางบริการข้อมูลสำหรับธุรกิจ (SME Portal) อย่าง SME ONE ศูนย์รวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อ SME
2. ขยายผลโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) หรือเรียกง่าย ๆ ว่าโครงการเอสเอ็มอีคนละครึ่ง เพื่ออุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาให้แก่เอสเอ็มอีแบบร่วมจ่าย (co-payment) ในสัดส่วนร้อยละ 50-80 ตามขนาดของธุรกิจ โดยเตรียมเปิดเฟส 2 ให้กับ SME ที่สนใจในวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 อนาคตให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
3. ปรับปรุงกฎหมายเพื่อสนับสนุน SME หรือออกกฎหมายใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้
4. ส่งเสริม SME เข้าสู่ระบบ (Formalization) ประเทศไทยได้ชื่อว่า มีเศรษฐกิจนอกระบบที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งหมายความว่า ผู้ประกอบการนอกระบบเหล่านี้ จะไม่ได้รับการสนับสนุน หรือช่วยเหลือจากทางภาครัฐ
5. สร้างความรู้พื้นฐานทางการเงิน (Financial Literacy) มี SME จำนวนไม่น้อย ที่ไม่มีการวางระบบการเงิน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ โดยเฉพาะผู้ประกอบการกลุ่ม Micro โดยทาง สสว.ได้ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย และมหาวิทยาลัยราชภัฏ เพิ่มเนื้อหาความรู้ทางการเงินในการเรียนออนไลน์ (SME Academy) ตลอดจนจัดทำหลักสูตรพื้นฐานทางการเงินสำหรับ Micro โดยเฉพาะ
6. ขยายบทบาทการค้ำประกันสินเชื่อ ปัจจุบันระบบค้ำประกันสินเชื่อยังมีข้อจำกัด ทำให้การค้ำประกันยังมีปริมาณไม่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับวงเงินสินเชื่อทั้งหมด
7. ปรับ SME สู่การทำธุรกิจบนฐานดิจิทัล เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ
8. ยกระดับเทคโนโลยีนวัตกรรม โดยนวัตกรรมจะช่วยให้สินค้าของผู้ประกอบการมีความแตกต่าง ช่วยเพิ่มมูลค่า
9. สนับสนุนให้ SME เข้าถึงตลาดภาครัฐของสินค้ามูลค่าสูง ซึ่งตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งจะดำเนินการจัดทำรายชื่อ/รายการสินค้าและบริการในกลุ่มสินค้าเป้าหมาย พร้อมประสานหน่วยงานจัดซื้อ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีของ SME
10. เชื่อม SME เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Value Chain) เช่น การสนับสนุนข้อมูล เงินทุนในการเข้าสู่เวทีโลก
รศ.ดร.วีระพงศ์ กล่าวเสริมว่า ผู้ประกอบการที่รู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนอะไร หรือมีส่วนไหนที่ต้องพัฒนาก็ควรเร่งดำเนินการ Reskills และ Upskills เช่น เพิ่มช่องทางการขาย จัดทำระบบการเงิน เพื่อเป็นข้อมูลในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน พัฒนากระบวนการผลิต ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การจะขับเคลื่อนแผนงานให้เป็นไปตามเป้าหมายได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการบูรณาการองค์ความรู้ เพื่อถ่ายทอดให้กับผู้ประกอบการ SME ในการสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งงานสัมมนา “SME 3ก แกร่ง เก่ง กล้า” เป็นอีกหนึ่งช่องทางและกลไลสำคัญในการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน
สำหรับในปี 2565 ศูนย์ 7 สนับสนุน SME จะจัดสัมมนา “SME 3 ก แกร่ง เก่ง กล้า” จำนวน 6 ครั้ง ครอบคลุมเนื้อหา 6 เรื่องหลัก ได้แก่ ภาพรวมแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจ มาตรการ และการสนับสนุนภาครัฐ การหาแหล่งเงินทุน การเตรียมความพร้อมสู่การขายในช่องทางโมเดิร์นเทรด การปรับตัวของเอสเอ็มอี ต่อการแข่งขันในแพลตฟอร์มออนไลน์ และการแบ่งปันประสบการณ์จากผู้ประกอบการ SME ที่ประสบความสำเร็จ
ผู้ประกอบการ SME สามารถติดตามข่าวสารต่าง ๆ ตลอดจนการจัดสัมมนาได้ที่ เฟซบุ๊กเพจ ศูนย์7สนับสนุนSME หรือติดต่อขอรับคำปรึกษาโดยตรงได้ที่ 02-826-7750
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- SME ปีเสือทองต้องรอด! ศูนย์ 7 หนุนเอสเอ็มอี จับมือ PIM แนะแนวทางผู้ประกอบการรายย่อย
- ถอดรหัส DNA ความสำเร็จ SME ตัวท็อป ขายปังใน 7-Eleven เส้นทาง New Gen สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
- ‘CPF’ ชวนคู่ค้า SMEs สร้าง ‘แนวร่วมองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน’ ในห่วงโซ่อุปทานอาหาร