Sme

‘อินสตาแกรม’ เปิดอคาเดมี หนุน ‘มิลเลนเนียล’ แจ้งเกิดธุรกิจ

เพราะกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จการเติบโตของ อินสตาแกรม (Instagram) คือกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียล ซึ่งมีจำนวน 20 ล้านคนในประเทศไทย และใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ อินสตาแกรมจึงจัดโปรแกรมอบรม อินสตาแกรม อคาเดมี ไทยแลนด์ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเสริมทักษะด้านดิจิทัลที่จำเป็นในการต่อยอดธุรกิจให้เติบโต

ชวดี วงศ์พยัต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจระดับประเทศ แผนกธุรกิจนานาชาติ ประจำ Facebook ประเทศไทย กล่าวว่า ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าชาวไทยในยุคมิลเลนเนียลนั้นเริ่มธุรกิจของตนเองด้วยวัยเพียงแค่ 19 ปี หรือในขณะที่ยังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ได้ช่วยสร้างตัวเลขมูลค่าตลาดราว 7 ล้านล้านบาทในวงการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย โดยถือเป็น 43% ของค่าจีดีพีและมูลค่าการผลิตของประเทศโดยรวม

Instagram Academy in Thailand

สำหรับกระแสความนิยมของ อินสตาแกรม ในฐานะแพลทฟอร์มที่ช่วยให้นักธุรกิจรุ่นเยาว์สร้างสรรค์อาชีพและดำเนินตามความฝันนั้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงจากการสำรวจจากอิปซอสส์ ต่ออิทธิพลของ อินสตาแกรม ที่มีต่อกลุ่มผู้ประกอบการขนาดย่อมในอินโดนีเซีย พบว่า ผู้ใช้งานหลายคนที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปีได้ใช้อินสตาแกรม ในการริเริ่มธุรกิจ และหลายคนมีธุรกิจเป็นของตนเองก่อนสำเร็จก่อนศึกษาอีกด้วย

นอกจากนี้ ทั้งเฟซบุ๊ก และ อินสตาแกรม รวมถึงแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ในเครือ ยังมีพันธกิจชัดเจน คือ มุ่งมั่นช่วยผลักดันการพัฒนาด้านดิจิทัลในประเทศไทย โดยช่วยให้ธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ก้าวสู่เส้นทางบนโลกดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับชุมชนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทยโดยเฉพาะแล้ว

ล่าสุด อินสตาแกรม จึงได้จัดโปรแกรมอบรม อินสตาแกรม อคาเดมี ไทยแลนด์ สำหรับผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ 250 คน เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยโปรแกรมดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ความรู้และเสริมศักยภาพให้กับเยาวชนไทย รวมถึงบรรดานิสิตนักศึกษา ซึ่งต่อยอดและดัดแปลงจากโครงการฝึกอบรมซึ่งจัดขึ้นในเมืองต่างๆ ในประเทศอินโดนีเซีย โดยมุ่งเน้นสำหรับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นเยาว์ที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี

คุณชวดี วงศ์พยัต
ชวดี วงศ์พยัต

โปรแกรมดังกล่าวนี้เป็นผลต่อเนื่องมาจากความสำเร็จของ อินสตาแกรม ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้คนและธุรกิจต่างๆ สามารถแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของตนสู่ชุมชนที่มีผู้ใช้งานกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก ทั้งนี้ 90% ของคนกลุ่มนี้กดติดตามธุรกิจที่ตนสนใจและสำหรับในประเทศไทย ตัวเลขดังกล่าวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ปัจจุบัน อินสตาแกรมได้พลิกโฉมวิธีที่ผู้คนค้นพบธุรกิจท้องถิ่นต่างๆ การซื้อของออนไลน์ การเฟ้นหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ตลอดถึงการแบ่งปันช่วงเวลาต่างๆ ร่วมกันกับคนอื่นๆ ในชุมชน นี่คือสิ่งที่ทำให้ อินสตาแกรม เป็นแพลทฟอร์มที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างง่ายดาย ทุกวันนี้ มีธุรกิจจำนวนกว่า 140 ล้านรายที่ใช้งานเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และ วอทช์แอป ในแต่ละเดือน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”ชวดี กล่าว

ชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Diamond Grains ได้เล่าถึงจุดเปลี่ยนในการดำเนินธุรกิจที่เกิดขึ้นเมื่อทางแบรนด์เริ่มหันมาใส่ใจถึงสิ่งที่ผู้บริโภคกำลังมองหา มากกว่าเน้นเพียงสิ่งที่แบรนด์ต้องการจะขาย โดยอินสตาแกรม เป็นช่องทางช่วยให้แบรนด์ที่สามารถสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี ช่วยให้สามารถรับรู้ถึงผลตอบรับและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้มากขึ้น

คุณชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Diamond Grains
ชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์

ด้าน จิตพล ศิริวัฒนเมธางกูล หรือคุณบูม ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ CAMP เล่าว่า อินสตาแกรม ได้เปลี่ยนแปลงวงการแฟชั่นไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าฟาสต์แฟชั่น ยกตัวอย่างให้เห็นได้จากงานวิจัยล่าสุดที่พบว่า 50% ของผู้บริโภคมีตัวเลือกสินค้าในใจก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาเยี่ยมชมที่หน้าร้านหรือบนเว็บไซต์ และ อินสตาแกรม เองได้ทำหน้าที่เป็นเสมือนแคตตาล็อกและหน้าร้านที่ลูกค้าสามารถกดเข้ามาเยี่ยมชมได้ก่อนการซื้อจริง

Avatar photo