“เอ็นไอเอ” ทุ่มกว่า 200 ล้าน หนุนสตาร์ทอัพ 6 สาขานวัตกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมเอสเคิร์ฟ วางเป้าเกิดการลงทุนเพิ่ม พร้อมขับเคลื่อนไทยสู่ประเทศแห่งนวัตกรรม
นายวิเชียร สุขสร้อย รองผู้อำนวยการด้านเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า NIA มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนสตาร์ทอัพ หรือผู้ประกอบการไทย ที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเอง และมีขีดความสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ ยังเพื่อชักจูงบริษัทชั้นนำจากทั่วโลกให้มาลงทุนในประเทศไทยซึ่งถือเป็นทั้งการสร้างภาพลักษณ์ และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ดียิ่งขึ้น
NIA จึงได้สร้างโอกาสการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรม ด้วยการเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งด้านเทคโนโลยี และการเงินผ่านกลไกการสนับสนุนโครงการนวัตกรรมแบบมุ่งเป้า (Thematic Innovation) ซึ่งดำเนินมากว่า 5 ปี
จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายมากกว่า 92 โครงการ ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ การดูแลสุขภาพ เทคโนโลยีเกษตรและอาหาร ฯลฯ ด้วยเงินสนับสนุนกว่า 255 ล้านบาท และก่อให้เกิดมูลค่าประมาณ 530 ล้านบาท
สำหรับในปีนี้ NIA มุ่งเน้นโครงการนวัตกรรมมุ่งเป้าในสตาร์ทอัพ 6 สาขานวัตกรรมเป้าหมาย ได้แก่
- อาหารมูลค่าสูงสำหรับส่งออก เพื่อเร่งพัฒนาการผลิตและการส่งออกอาหารและผลไม้ไทยคุณค่าและมูลค่าสูง และผลักดันไทยสู่ผู้นำของโลกทั้งอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารพรีเมี่ยม โปรตีนทางเลือก และอาหารพื้นถิ่นมูลค่าใหม่ เช่น อาหารว่างสำหรับผู้ป่วยโรคไต ไอศกรีมผงกึ่งสำเร็จรูป เนื้ออกไก่จากพืช สเปรดไข่เค็มไชยาพร้อมทาน ฯลฯ
- ความมั่นคงทางอาหาร ทั้งด้านการเกษตรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การตรวจสอบย้อนกลับ การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว และการผลิตอาหารอัจฉริยะ เป็นต้น
- เศรษฐกิจการหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ โดยสร้างมูลค่าเพิ่มจากการนำขยะหรือของเสียจากภาคอุตสาหกรรมมาใช้ประโยชน์ เพื่อเป็นวัตถุดิบทดแทนหรือนำมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น ผ่านโมเดลอุตสาหกรรมและธุรกิจที่มุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และโมเดลการจัดการพลาสติกและขยะ
- พลังงานสะอาด ที่พัฒนาและประยุกต์ใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมทั้งการปรับปรุงคุณภาพเชื้อเพลิงชีวภาพ และระบบบริหารจัดการการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด
- ธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีโลกเสมือน หรือ ARI Tech เพื่อนำไปใช้กับกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม การแพย์ ธุรกิจที่สอดรับกับการเชื่อมโยงโครงข่ายอินเทอร์เน็ต (IoT) และรับกระแสโลกเสมือนจริงหรือ เมตาเวิร์ส
- กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานและส่วนประกอบสำคัญ การบริการและแพลตฟอร์มสนับสนุน ตลอดจนการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการขนส่งเชิงพาณิชย์ ธุรกิจนวัตกรรมผลิตยานยนต์ที่มีการสื่อสารและเชื่อมโยงถึงกัน ซอฟต์แวร์เพื่อใช้กับยานยนต์ไฟฟ้า การให้บริการสถานีชาร์จ การบริหารจัดการการจ่ายกระแสไฟฟ้าของแบตเตอรี่ ฯลฯ
สำหรับทั้ง 6 ธุรกิจนวัตกรรมมุ่งเป้าที่ NIA พยายามผลักดัน เป็นเทรนด์ที่อยู่ในความนิยมของตลาดโลก อย่างธุรกิจอาหารมูลค่าสูงสำหรับส่งออกและธุรกิจด้านความมั่นคงทางอาหาร ถ้าสตาร์ทอัพสามารถพัฒนาหรือคิดค้นสินค้าใหม่ที่ส่งออกได้สำเร็จ มูลค่าการส่งออกจะสูงขึ้น
ส่วนธุรกิจด้านเศรษฐกิจการหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ NIA คาดหวังที่จะได้เห็นการสร้างรูปแบบของตัวธุรกิจที่ชัดเจน เพราะนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะฝรั่ง จะมาขอซื้อคาร์บอนจากประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวนมาก ปัจจุบันไทยยังขายไม่ได้ เพราะรูปแบบธุรกิจของเรายังไม่สมบูรณ์
เทรนด์ที่เกิดขึ้นถือเป็นโอกาสถ้าทำได้สำเร็จเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติหรือองค์กรใหญ่ ๆ จะเข้ามาจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจด้านกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง ที่แม้ตลาดต่างประเทศจะใหญ่กว่าไทย แต่อีก 3 ปีข้างหน้า โรงงานผลิต EV จะเกิดขึ้นในเมืองไทย ถ้าเราสามารถเตรียมความพร้อมเปลี่ยนจากผู้ผลิตเซ็นเซอร์หรือชิ้นส่วนยานยนต์สำหรับรถสันดาปมาเป็น EV เพื่อรองรับต่างชาติที่จะมาลงทุนสร้างโรงงานผลิตในไทยได้ก็จะเป็น OEM ที่มีมูลค่าสูง
ดังนั้นถ้าทุกภาคส่วนช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมแบบมุ่งเป้าได้สำเร็จ เชื่อว่าประเทศไทยจะมีโอกาสในเศรษฐกิจเดิมที่มีมูลค่าสูงมากขึ้น ส่วนเศรษฐกิจที่เป็นเทรนด์ก็จะมีตัวอย่างที่สามารถได้รับประโยชน์จากคุณค่าที่สร้างขึ้นได้ โอกาสที่ไทยจะเติบโตในต่างประเทศก็จะสูงตามไปด้วย
โครงการนวัตกรรมแบบมุ่งเป้าที่ NIA ดำเนินการ เป็นการสนับสนุนเงินทุนให้เปล่าสำหรับสตาร์ทอัพหรือผู้ประกอบการที่สร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมใน 6 กลุ่มธุรกิจนวัตกรรมเป้าหมายในวงเงินสูงสุดไม่เกินโครงการละ 5,000,000 บาท ครอบคลุมทั้งการพัฒนาต้นแบบนวัตกรรมและทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานของนวัตกรรมในสภาพแวดล้อมจริง
คุณสมบัติผู้สมัครเข้าร่วมโครงการสตาร์ทอัพ 6 สาขานวัตกรรม
- เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และมีผู้ถือหุ้นเป็นสัญชาติไทยอย่างน้อย 51%
- ต้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในเทคโนโลยีหลักที่ใช้ในโครงการ หรือเป็นการขอใช้สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาได้
- ต้องมีโมเดลธุรกิจและแผนการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อรองรับการขยายผลโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ
- สามารถสำรองเงินเพื่อเบิกจ่ายเงินอุดหนุนย้อนหลังได้
- นิติบุคคล หรือกรรมการบริหารของนิติบุคคล มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ไม่น้อยกว่า 3 ปี
นอกจากนี้ ยังมีกลไกสนับสนุนอื่น ๆ เช่น การเชื่อมโยงผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาธุรกิจเพื่อให้องค์ความรู้สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์3บริการเพื่อออกสู่ตลาด การจับคู่กับนักลงทุนสำหรับนวัตกรรมที่เป็นต้องการในสาขาอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงการช่วยสนับสนุนด้านแผนธุรกิจ การให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญา
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนออนไลน์ผ่าน https://mis.nia.or.th/ ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หนุนสตาร์ทอัพ ยกเว้นภาษี ‘Capital Gains Tax’ 10 ปี ใน ’12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
- ยืนหนึ่ง! ‘สวทช.’ จดทรัพย์สินทางปัญญา 524 รายการ ต่อยอดเศรษฐกิจ 7 หมื่นล้าน
- ปลื้ม! เชียงใหม่ ‘เมืองเทศกาลโลก’ ดัน Soft Power ผ่านระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ Creative LANNA