เอโค่ แพลตฟอร์มด้านการสื่อสารและการจัดการองค์กรสัญชาติไทย รับเงินทุนสนับสนุนระดับซีรีส์บีกว่า 660 ล้านบาท หรือประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ จากนักลงทุนชั้นนำระดับโลก นำโดย SMDV จากอินโดนีเซีย และนักลงทุนชั้นนำอื่น อาทิ RedBeat Ventures หน่วยงานลงทุนด้านดิจิทัลของแอร์เอเชีย เตรียมขยายธุรกิจสู่ตลาดยุโรปและอเมริกาเต็มสูบ
นายกรวัฒน์ เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอโค่ (Eko) กล่าวว่า เอโค่ เป็นสตาร์ทอัพที่มีฐานธุรกิจใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ และลอนดอนประเทศอังกฤษ เป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มที่อำนวยความสะดวกด้านการติดต่อสื่อสารและการจัดการบริหารงานภายในองค์กรอย่างครบถ้วนในที่เดียว การได้รับเงินทุนสนับสนุนระดับซีรีส์บี เป็นจำนวนกว่า 20 ล้านดอลลาร์นี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับบริษัทสามารถขยายธุรกิจสู่ตลาดยุโรปและอเมริกาได้อย่างเต็มตัว
“เศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐอเมริกามีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงเกือบ 7 เท่า ตลาดไอทีสำหรับองค์กรก็เช่นกัน เนื่องจากบริษัทในยุโรป และอเมริกาให้ความสำคัญกับการลงทุนและใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ ดังนั้น หากเอโค่ต้องการจะเติบโตเป็นผู้นำในตลาดโลก การเติบโตใน 2 ตลาดหลักนี้ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ” นายกรวัฒน์ กล่าว
ปัจจุบันฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของเอโค่มาจากยุโรปและอเมริกาเหนือ และตอนนี้กำลังเริ่มคุยกับอีกหลายบริษัทชั้นนำของยุโรป บริษัทตั้งใจจะนำเงินจากการระดมทุนรอบล่าสุดเพื่อขยายทีมงาน หุ้นส่วนทางธุรกิจ และฐานลูกค้าในยุโรปและอเมริกาอย่างจริงจัง
สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา เอโค่มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าสามเท่า และมีผู้ใช้งานมากกว่า 500,000 ราย จากหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก โรงแรม ธนาคาร หรือธุรกิจบริการอื่นๆ ปัจจุบัน แพลตฟอร์มของเอโค่มีผู้ใช้บริการหลายร้อยบริษัท ตั้งแต่บริษัทขนาดกลาง ขนาดย่อม จนถึงบริษัทชั้นนำในประเทศไทย
ที่สำคัญ เอโค่ถูกออกแบบมาให้คล้ายกับ แชท แอปพลิเคชัน ที่ใช้กันทั่วไป โดยมาพร้อมความปลอดภัยในการพูดคุยผ่านระบบเอโค่ และพนักงานทุกคนจะสามารถเข้าใจและใช้เทคโนโลยีนี้ได้แบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และมีต้นทุนไม่สูงมากหากใช้ในองค์กรที่มีพนักงานหลักพันคน ในจุดนี้ เอโค่เผยว่า พบแนวโน้มที่พนักงานจะสื่อสารและทำงานผ่านกรุ๊ปแชทมากขึ้น ขณะที่การใช้แอปพลิเคชันที่มีอยู่ทั่วไปในตลาด อาจเสี่ยงต่อปัญหาด้านความปลอดภัย การรักษาความลับของข้อมูล และร่างกฎหมายให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค หรือ General Data Protection Regulation (GDPR) การมีระบบแชทสำหรับองค์กรที่สามารถเก็บความลับได้ จึงน่าจะตอบโจทย์ธุรกิจได้มากกว่านั่นเอง