ไบท์แดนซ์ สตาร์ทอัพจีนผู้อยู่เบื้องหลังแอพพลิเคชันแชร์วิดีโอยอดนิยม “Tik Tok” ผงาดขึ้นเป็นยูนิคอร์น ที่มีมูลค่ามากสุดของโลก
ปัจจุบัน ไบท์แดนซ์ มีมูลค่าราว 75,000 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า “อูเบอร์ เทคโนโลยีส์” ผู้ให้บริการแอพพลิเคชันบริการรถรับส่ง ซึ่งเจ้าของตำแหน่งราชายูนิคอร์นรายล่าสุด ที่มีมูลค่าราว 72,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ “ซอฟท์แบงก์ กรุ๊ป” นักลงทุนด้านเทคโนโลยีสัญชาติญี่ปุ่น เพิ่งจะเข้าไปลงทุน 3,000 ล้านดอลลาร์ในสตาร์ทอัพจีนรายนี้ ผ่านทาง ซอฟท์แบงก์ วิชัน ฟันด์ และช่องทางอื่นๆ
ข้อมูลจากซีบี อินไซท์ บริษัทวิจัยตลาดสหรัฐ แสดงให้เห็นว่า นับถึงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จีนมีบริษัทเอกชนที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือที่เรียกว่ายูนิคอร์นทั้งหมด 83 ราย คิดเป็นสัดส่วน 30% ของยูนิคอร์นทั่วโลกที่มีอยู่ 287 ราย มากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ ที่มีอยู่ 135 ราย
ไบท์แดนซ์ ซึ่งมีแอพพลิเคชันข่าว และแอพอื่นๆ อยู่อีกจำนวนหนึ่ง มีสถานะเป็นยูนิคอร์นเมื่อเดือนเมษายน 2560 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทมีมูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1 ใน 7 ของมูลค่าปัจจุบัน
Tik Tok หรือ Douyin ตามที่เรียกในจีน เป็นแอพหลักที่ช่วยหนุนการเติบโตดังกล่าว โดยแอพนี้จะเปิดทางให้ผู้ใช้งานสามารถบันทึกภาพวีดิโอสั้นๆ เพิ่มเพลง และแชร์ออกไป ซึ่งแม้แต่บรรดานักแสดงดังๆ ในจีนก็ใช้แอพนี้ เพื่อเผยแพร่งานของตัวเอง
แอพพลิเคชันตัวนี้ ยังได้รับการดาวน์โหลดมากสุดบนแอพสโตร์ ของแอปเปิล ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 และมีฐานผู้ใช้งานประจำที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มาอยู่ที่มากกว่า 500 ล้านคนต่อเดือนทั่วโลก นับถึงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้ใช้งานส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น หรือคนหนุ่มสาวที่อยู่ในช่วงอายุ 20
แม้ผู้ใช้งานจากจีนจะมีจำนวนมากมากสุด คิดเป็นสัดส่วนราว 4 ใน 5 ของจำนวนผู้ใช้งานประจำดังกล่าว แต่อีกราว 100 คนที่เหลือนั้น กระจายกันไปเกือบทุกภูมิภาคทั่วโลก รวมถึง สหรัฐ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รายได้หลักของ Tik Tok มาจากโฆษณา ซึ่งข้อเท็จจริงที่ว่า ฐานผู้ใช้งานของแอพพลิเคชันนี้เป็นกลุ่มคนอายุน้อย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของนักโฆษณาส่วนใหญ่ ทำให้โฆษณาพากันหลั่งไหลเข้ามาในแพลตฟอร์มนี้มากกว่าแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตอื่นๆ ธุรกิจเองก็ต้องการที่จะโฆษณาบนแพลตฟอร์มนี้เช่นกัน ส่งผลให้เกิดรายได้ไหลเข้ามาอย่างถล่มทลาย
