เปิดแล้วอย่างยิ่งใหญ่สำหรับเวที “เทคซอส โกลบอล ซัมมิท 2018” (Techsauce Global Summit 2018) ที่รวบรวมชาวเทคโนโลยี – สตาร์ทอัปด้าน FoodTech, Living Tech, PropTech, FinTech รวมถึงสตาร์ทอัปด้าน AI, Blockchain เอาไว้กว่า 250 บูธ ผู้จัดงานคาดเกิดการจับคู่ธุรกิจมากกว่า 500 ดีล ขณะที่ตัวเลขผู้ร่วมงานทะลุหมื่นคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 40%
เป็นระบบนิเวศน์ที่เห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับวงการสตาร์ทอัพไทย ส่งผลให้การจัดงาน Techsauce Global Summit 2018 ในปีนี้เติบโตตามไปด้วย ทั้งนี้ มูลค่าการลงทุนในสตาร์ทอัพของไทย (เฉพาะที่มีการเปิดเผยข้อมูล) ตามข้อมูลของเทคซอสระหว่างปี 2554 – 2560 นั้นพบว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีสตาร์ทอัพไทย (ที่ยอมเปิดเผยข้อมูล) รับเงินลงทุนไปแล้วกว่า 90 ราย ยอดรวมการลงทุนทั้งหมดในรอบปี 2560 (แบบไม่รวม ICO) มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 105.5 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 3,500 ล้านบาท และการลงทุนที่น่าจับตาที่สุดก็คือดีลของ aCommerce ที่มีมูลค่าถึง 2.14 พันล้านบาท
ขณะที่ย้อนหลังไปในปี 2559 พบว่ามียอดการระดมทุนอยู่ที่ 86.02 ล้านดอลลาร์ หรือ 2,832 ล้านบาท โดยสตาร์ทอัพที่ได้รับการลงทุนสูงสุด 3 อับดับแรกคือ Ookbee, Omise และ Orami
นอกจากนั้น หากจำแนกตามประเภทของสตาร์ทอัพยังพบว่า สตาร์ทอัพในกลุ่มอีคอมเมิร์ซคือกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือฟินเทค, โลจิสติกส์ และเพย์เมนต์ ขณะที่กลุ่มอาหารคือกลุ่มที่ได้รับความสนใจรั้งท้าย
ในส่วนของการจัดงาน พบว่ามีการเติบโตเช่นกัน โดยตัวเลขผู้เข้าร่วมงานในปี 2560 นั้นอยู่ที่ 6,000 คน ขณะที่ในปีนี้ นางสาวอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด ผู้จัดงาน Techsauce Global Summit 2018 เปิดเผยว่า “ปีนี้มีผู้สนใจซื้อบัตรเข้าร่วมงานกว่า 10,000 ราย หรือเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีทั้งผู้บริหาร ภาคธุรกิจ สตาร์ทอัพ ผู้สนใจในแวดวงเทคโนโลยี และมีทั้งกลุ่มที่ซื้อในลักษณะบุคคลทั่วไปและแบบผ่านการสนับสนุนขององค์กร สะท้อนว่าภาพรวมของทุกภาคส่วนกำลังตื่นตัวกับการอัพเดตเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกขณะนี้”
ส่วนหนึ่งที่ทำให้การจัดงานครั้งนี้ได้รับความสนใจจากสตาร์ทอัพและนักลงทุนต่างชาตินั้น คือการเติบโตของผู้ใช้งาน 4G ที่ในปี 2561 คาดการณ์ว่าไทยจะเป็นตลาดใหญ่อันดับสามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย และจะมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 40% ของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 30% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่เอื้อต่อสตาร์ทอัพด้วยนั่นเอง
โดยไฮไลท์ภายในงานปีนี้ประกอบด้วย 10 เวทีสัมมนา ได้แก่
- AgTech & FoodTech
- HealthTech
- LivingTech
- FinTech
- Startup
- Venture Capital (VC)
- Deep Tech Showcase & Head to the Future
- Blockchain & Cryptocurrency
- AR & VR
- Data Science & AI
นอกจากจะมีเวทีสัมมนาและการออกบูธของสตาร์ทอัพรายต่าง ๆ แล้ว ยังมีการจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) แบบเอ็กคลูซีฟ และการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) รวมถึงการแข่งขัน Startup Pitching รอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศ เฟ้นหา “Champion of Champion” จาก 20 ประเทศทั่วเอเชีย–โอเชียเนียด้วย
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากผู้ประกอบการชั้นนำในหลายอุตสาหกรรมที่กำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและการลงทุนในสตาร์ทอัพ อาทิ บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด บริษัท ทรู ดิจิทัล พาร์ค จำกัด บริษัท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ดีแทค แอ็คเซเลเรท จำกัด บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัท แอด เวนเจอร์ส แคปปิตอล จํากัด สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (TCEB) และอีกหลายองค์กรชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ
