กีฬาสนุกเกอร์ถูกบรรจุในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งแรก ในกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 13 ”บางกอกเกมส์” ที่กรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 1998 จากนั้นก็มีการจัดแข่งในเอเชียนเกมส์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งครั้งที่ 14 ที่บูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ปี 2002, ครั้งที่ 15 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ปี 2006 และ ครั้งที่ 16 ที่กว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ปี 2010
แต่ 2 ครั้งหลังสุด ครั้งที่ 17 ที่อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ปี 2014 และ ครั้งที่ 18 ที่กรุงจาการ์ตา และเมืองปาเลมบัง ประเทศอินโดนีเซีย ปี2018 ไม่มีจัดการแข่งขันเนื่อง สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย หรือ โอซีเอ ได้ตัดกีฬาในหมวดคิวสปอร์ต ทั้ง สนุกเกอร์, บิลเลียด, พูล และ แครอมบอล ออกจากกีฬาเอเชียนเกมส์ พร้อมกับลดระดับให้ไปจัดในการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์แอนด์มาร์เชียลอาร์ทเกมส์แทน
จากการที่ศึกสอยคิวไม่มีแข่งในเะอเชียนเกมส์2ครั้งหลังสุดทำให้วงการสนุกเกอร์เอเชียซบเซาพอสมควรเนื่องจากแม้จะมีการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ที่จัดทุกปีแต่จะมีเฉพาะมือสมัครเล่นที่ลงแข่งขัน ส่วนนักสอยคิวที่เล่นในระดับอาชีพโลก จะไม่มาลงแข่งผิดกับในกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่มือระดับอาชีพโลกลงแข่งขันกันพร้อมหน้า เสมือนเป็นการวัดฝีมือว่าใครคือนักสอยคิวที่เก่งที่สุดในเอเชีย
ด้วยกระแสที่ซบเซาลงและการที่ เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์ในอีก 4 ปีข้างหน้ามีโอกาสที่จะกลับมาบรรจุสนุกเกอร์ในการชิงเหรียญทองอีกครั้ง โดยสาเหตุหลักเลยคือ “จีน” ชาติเจ้าภาพมีนักสอยคิวฝีมือพระกาฬระดับโลกหลายคน และกีฬาสอยคิวได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน ซึ่งเห็นได้จากการนำรายการอาชีพระดับโลกมาแข่งขันที่จีนมากขึ้น โดยเฉพาะในปี2018-2019 มีการจัดการแข่งขันมากถึง 6 รายการ และแต่ละรายการมีเงินรางวัลให้ชิงชัยจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะ “ไชน่า โอเพ่น” ที่มีเงินรางวัลรวมถึง 225,000 ปอนด์ หรือเกือบ 10 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายการที่ชิงเงินรางวัลรวมสูงเป็นอันดับ 2 รองจากชิงแชมป์โลกเพียงรายการเดียวเท่านั้น
หากไม่มีอะไรผิดพลาดการที่ชาติมหาอำนาจได้เป็นเจ้าภาพ และสนุกเกอร์คือกีฬาความหวังของพวกเขา กีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 10-25 กันยายน 2022 น่าจะมีการชิงชัยอีกครั้งและเชื่อว่าจะเป็นการจุดกระแสสอยคิวเอเชียให้กลับมาครึกครื้นอีกคำรบ
