Sport

แอลพีจีเอ 2019 คึกคัก 4 รายการใหม่ – 3 รูปแบบใหม่ชิงกว่า 2 พันล้านบาท

การแข่งขันกอล์ฟอาชีพหญิง “แอลพีจีเอ 2019” ประกาศโปรแกรมออกมารวมทั้งหมด 33 รายการมีเงินรางวัลให้ชิงชัยรวมมากที่สุด 70.55 ล้านดอลลาร์หรือราว 2,257.6 ล้านบาท มีรายการใหม่ 4 รายการและรูปแบบการเล่นใหม่ 3 แบบประเดิมกลางเดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน

LPGA
ภาพจาก : @LPGA

ฤดูกาล 2018 แอลพีจีเอทัวร์เพิ่งจบเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนมีแข่งทั้งหมด 32 รายการ มีแชมป์ 26 คนจากชาติที่แตกต่างกันไป 10 ชาติรวมทั้งมี 10 คน ที่คว้าแชมป์ครั้งแรกของตัวเอง

ขณะที่ปี 2019 มีการก้าวไปอีกด้วยการมี 33 รายการทางการแข่งขันใน 12 รัฐ ของสหรัฐ และ 12 ประเทศ (รวมทั้งสหรัฐ) พร้อมกับเงินรางวัลให้ชิงชัยมากเป็นสถิติรวม 70.55 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,257.6 ล้านบาทมากกว่าปี 2018 ซึ่งรวม 65.35 ล้านดอลลาร์หรือราว 2,090.56 ล้านบาท

สำหรับในปี 2019 จะมีรายการใหม่สามรายการทั้งออสเตรเลีย เกาหลีใต้, รัฐฟลอริดา และ มิชิแกน ของสหรัฐ และรูปแบบการแข่งขันสามแบบเริ่มต้นจากรายการแรกที่ฟลอริดา รายการไดมอนด์ รีสอร์ตส์ ทัวร์นาเมนต์ ออฟ แชมเปี้ยนส์ ที่ฟลอริดาระหว่างวันที่ 17-20 มกราคมนำเอาแชมป์สองฤดูกาลล่าสุด และบุคคลมีชื่อเสียง และกอล์ฟสมัครเล่นร่วมแข่งขันชิงเงินรางวัลรวม 1.2 ล้านดอลลาร์นี่คือหนึ่งใน 4 รายการใหม่

ช่วงแรกของปี 2019 จะเริ่มต้นจากสหรัฐ ที่ฟลอริดา และข้ามทวีปมาเอเชีย-แปซิฟิก ในออสเตรเลียสองรายการเดือนกุมภาพันธ์ และเข้ามาในประเทศ “ไทยฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์” ก่อนจะไปสิงคโปร์ และกลับไปสหรัฐฯแข่งขันกันติดต่อกัน

รายการต่างๆ ในปี แอลพีจีเอ 2019 มีการเพิ่มเงินรางวัลขึ้นอีกหลายรายการทั้งยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น และ ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ มีเงินรางวัลรวมมากถึง 5 ล้านดอลลาร์ โดยทางสมาคมกอล์ฟสหรัฐอเมริกา(ยูเอสจีเอ) ยังไม่ยืนยันจนกว่าจะถึงเดือนเมษายนปี 2019 ว่ามีเงินรางวัลชิงชัยรวมมากว่า 5 ล้านดอลลาร์หรือไม่

ขณะที่ซีเอ็มอี ได้เพิ่มเงินรางวัลรายการสุดท้ายจากเดิม 2.5 ล้านไปเป็น 5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินรางวัลสำหรับแชมป์จะได้รับมากถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ มากที่สุดในประวัติศาสตร์กอล์ฟหญิง

ariya11
ภาพจาก : twitter @LPGA

ส่วนรายการอื่นๆที่เพิ่มเงินรางวัลมีทั้ง เอเอ็นเอ อินสไปเรชั่น เมเจอร์แรกแห่งปี เพิ่ม 200,000 ดอลลาร์ จากปี 2018 ขึ้นมาเป็น 3 ล้านดอลลาร์ รายการเคพีเอ็มจี วีเมนส์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ เพิ่มขึ้น 200,000 ดอลลาร์จากปี 2018 เป็น 3.85 ล้านดอลลาร์ และ รายการดิเอวิยอง แชมเปี้ยนชิพ เมเจอร์สุดท้ายแห่งปี เพิ่มขึ้น 250,000 ดอลลาร์จากปี 2018 เป็น 4.1 ล้านดอลลาร์

ส่วนรายการเอไอจี วีเมนส์ บริติช โอเพ่น เมเจอร์ที่ 4 แห่งปียังไม่ประกาศเงินรางวัลแต่ยืนยันว่าอย่างน้อย 3.25 ล้านดอลลาร์ และรายการแอลพีจีเอ เมดีเฮล แชมเปี้ยนชิพ จะเพิ่มขึ้น 300,000 ดอลลาร์เป็น 1.8 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่รายการมาราธอน คลาสสิก เพิ่มขึ้น 150,000 ดอลลาร์เป็น 1,750,000 ดอลลาร์ รายการนี้ “โปรจูเนียร์”ธิฎาภา สุวัณณะปุระ โปรสาวไทยจากสัตหีบ จังหวัดชลบุรี คว้าแชมป์แรกของเธอในแอลพีจีเอทัวร์

สำหรับรายการใหม่ 4 รายการนอกจาก ไดมอนด์ รีสอร์ตส์ ทัวร์นาเมนต์ ออฟ แชมเปี้ยนส์ ที่ฟลอริดา ระหว่างวันที่ 17-20 มกราคมแล้วยังมี เดอะ วิค โอเพ่น รายการร่วมของแอลพีจีเอทัวร์ และ เลดี้ส์ ยูโรเปี้ยนทัวร์ ที่ออสเตรเลีย ทำให้ในออสเตรเลียมี 2 รายการในเดือนกุมภาพันธ์ร่วมกับ ไอเอสพีเอส ฮันดะ วีเมนส์ ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น ที่มีมาหลายปีแล้ว และยังมีรายการใหม่บีเอ็มดับเบิลยู เลดี้ส์แชมเปี้ยนชิพ ที่แอลพีจีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ และอีกรายการในสหรัฐ ที่รัฐมิชิแกน เดอะ ดาว เกรท เลคส์ เบย์ อินวิเทชั่นแนล ในเดือนกรกฏาคม และมีอีกหนึ่งรายการที่ยังไม่ประกาศแต่ช่วงแข่งขันระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน มีเงินรางวัลชิงชัยรวม 2.1 ล้านดอลลาร์

ปี 2019 ยังมีกอล์ฟทีมรายการใหญ่ระหว่างสหรัฐ  กับยุโรปอย่าง โซลไฮม์ คัพ แข่งขันที่เกล็นอีเกิ้ลส์ เมืองเพิร์ธเชอร์ แคว้นสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน

หลังมีการปรับเปลี่ยนหลายอย่างการต่อสู้แย่งแชมป์ เดอะเรซ ทู เดอะ ซีเอ็มอี โกลบ เพื่อชิงเงินรางวัลโบนัส 1 ล้านดอลลาร์นั้นก็จะเปลี่ยนรูปใหม่เช่นกัน โดยนำเอานักกอล์ฟเข้าไปเล่นรายการซีเอ็มอีกรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ รายการสุดท้ายแห่งปี ที่ฟลอริดาจาก 72 อันดับหรือร่วมของเรซทู เดอะ ซีเอ็มอีฯ มาเป็น 60 คนเพื่อชิงเงินรางวัลรวมรายการ 5 ล้านดอลลาร์ และแชมป์ได้รับไป 1.5 ล้านดอลลาร์ดังกล่าว และจะเป็นปีที่สองที่จะมีรางวัลโบนัสนักกอล์ฟสร้างผลงานจบลงใน 10 อันดับแรกมากที่สุดทั้งฤดูกาลจะได้รับเงินรางวัลโบนัส 100,000 ดอลลาร์

โดยปี 2018 “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล คว้ารางวัลนี้ไป และเธอกวาดทุกรางวัล  แอลพีจีเอทัวร์จะเพิ่มการถ่ายทอดสดในโทรทัศน์สหรัฐ โดยกอล์ฟแชนแนล และเน็ตเวิร์ก ทีวี กว่า 450 ชั่วโมง และอีกกว่า 475 ชั่วโมงจากกว่า 175 ประเทศทั่วโลก

Avatar photo