นายธนา ไชยประสิทธิ์ ซึ่งถูกแต่งตั้งให้ทำหน้าที่หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กลางปีนี้ เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดของทัพนักกีฬาไทย หลังสามารถควอลิฟายคว้าตั๋วไปแล้ว 11 ที่นั่งตลอดปี 2019 จากยิงปืน, ยิงเป้าบิน, เรือใบ, วินด์เซิร์ฟ, ขี่ม้า, จักรยาน และเทควันโด โดยเชื่อว่าในช่วงอีก 4-5 เดือนสุดท้ายหลังจากนี้ นักกีฬาไทยจะขยับเพิ่มโควตาจากหลายชนิดกีฬา
“บิ๊กต้อม” เผยว่า ในเดือนม.ค.นี้ จะมีการเเข่งขันทั้งฟุตบอลเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งหวังลึกๆว่าเราจะเซอร์ไพรส์และสร้างประวัติศาสตร์เป็น 1 ใน 3 ทีมที่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย นอกจากนี้ยังมีวอลเลย์บอลหญิง รอบคัดเลือกโลลิมปิก โซนเอเชีย ซึ่งจะแข่งขันกันที่จ.นครราชสีมา ซึ่งถ้าว่ากันตามความแข็งแกร่งและฟอร์มโดยรวม จะมีแค่เราและเกาหลีใต้ ที่ต้องมาห้ำหั่นชิงตั๋วเพียงใบเดียว เพื่อไปโอลิมปิก
“ส่วนโควตาจะได้เทียบเท่ากับครั้งก่อนเมื่อปี 2016 ที่บราซิล ที่จำนวน 54 คน หรือไม่นั้น ผมมองว่ายังมีโอกาสเป็นไปได้ เพราะยังเหลืออีกหลายกีฬาที่ยังได้ลุ้น ทั้งฟุตบอล, วอลเลย์บอล, มวยสากล, เรือใบ, วินด์เซิร์ฟ, เทควันโด, คาราเต้, เรือพาย, กอล์ฟ, เทเบิลเทนนิส, กรีฑา, เทนนิส, ว่ายน้ำ,แบดมินตัน หรือกระทั่งจักรยาน ซึ่งเป้าหมายที่คณะทำงานได้ปักธงเอาไว้ คือพยายามให้ได้เทียบเท่า หรือไม่น้อยกว่าครั้งก่อน”
นายธนา ยังกล่าวอีกว่า เมื่อปี 2562 เราได้เห็นข้อบกพร้องเเละจุดผิดพลาดจากการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ที่ฟิลิปปินส์มาเเล้ว ซึ่งในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวเราได้บทเรียนที่ดีกลับมา ซึ่งในโอลิมปิกเกมส์หนนี้ เราหวังว่าทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายเตรียมนักกีฬา สมาคมกีฬา และนักกีฬา จะแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น มาแก้ตัวในมหกรรมกีฬาที่ใหญ่กว่า อย่าง โอลิมปิกเกมส์
“นอกจากโอลิมปิกเกมส์ที่เป็นเกมใหญ่ของปี 2563 แล้ว ยังมีอีก 3 ทัวร์นาเมนต์ ได้เตรียมการและวางแผนเตรียมนักกีฬาเพื่อสู้ศึก เริ่มจากยูธโอลิมปิกฤดูหนาวของเหล่าเยาวชน ระหว่าง 9-22 ม.ค.นี้ ที่สวิตเซอร์แลนด์ ช่วงกลางปีหลังโอลิมปิกเกมส์ ก็จะเป็นพาราลิมปิกเกมส์ ระหว่าง 25 ส.ค. – 6 ก.ย. และปิดท้ายที่ เอเชียนบีชเกมส์ ที่เมืองซานย่า ของจีน 28 พ.ย. – 5 ธ.ค.”
