เจ็ตสกีเวิลด์คัพ 2019 แถลงผลงานความสำเร็จของการสร้างทัวร์นาเมนท์กีฬาไทยจนเติบโตยิ่งใหญ่ระดับโลก กลายเป็นต้นแบบแนวคิดการพัฒนากีฬาชาติ ด้านทรัพย์สินทางปัญญา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย ประเมินผลสร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอย่างเดียวกว่า 700 ล้านบาทในปีนี้ ขณะสถิติผู้ร่วมงานทะลุ 10,000 คน ตะลึงยอดผู้ชม 81 ชาติเข้าชมงานนี้สูงสุดคือกลุ่มยุโรปมากถึง 37 ชาติ เตรียมพัฒนาต่อจัดส่วนแสดงสินค้าและสัมมนา มั่นใจกิจกรรมปี 63 โตกว่า 15% พร้อมดันยอดผู้ชมทั่วโลกสู่ฐานการรับชมกว่า 600 ล้านคน
นายปริเขต สืบสหการ ผู้อำนวยการทัวร์นาเม้นท์ การบินไทย เจ็ตสกีเวิลด์คัพ 2019 เปิดเผยว่า เรื่องที่น่ายินดีที่สุดอันดับแรกคือ ทัวร์นาเมนท์กีฬาของไทยรายการนี้ มีสถานะเป็นทัวร์นาเมนท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เอาชนะทัวร์นาเมนท์เวิลด์ไฟนอลของสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้วในปีนี้ โดยสถิติของนักกีฬาต่างชาติกว่า 202 คน และทีมงานรวมทั้งหมดประมาณ 3,000 คน
ทั้งนี้ นิตยสารหลักของวงการกีฬาเจ็ตสกีโลก ได้เขียนบทความว่า ประเทศไทยได้สร้างสถิติเป็นทัวร์นาเมนท์นานาชาติที่ยิงใหญ่ที่สุดของกีฬาเจ็ตสกีโลก ในประวัติศาสตร์ 23 ปี”
นอกจากนั้น เป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ได้เปิดเผยว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ทำการติดตามและประเมินผล ซึ่งทัวร์นาเมนท์นี้ช่วยสร้างประโยชน์แก่ชาติไทย โดยสร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวมากถึง 700 ล้านบาท และจากการเก็บข้อมูลบัตรเข้าชม ยังพบความสำเร็จที่น่าสนใจจากสถิติผู้ร่วมงาน 10,299 คน แบ่งเป็นผู้ชมนานาชาติ 7,153 คน หรือ 69.49% มาจาก 81 ประเทศ ทั้ง 5 ทวีปของโลก มีกลุ่มประเทศยุโรป 37 ชาติ จำนวน 29.89% ทำให้เห็นว่า กีฬานี้กำลังเติบโตเจาะกลุ่มเป้าหมายศักยภาพสูงได้เป็นอย่างดี
ส่วนสถิติอื่นๆ พบว่า มีกลุ่มผู้ชมชาย 56.77% และเป็นหญิง 43.23% กลุ่มอายุ 21-50 ปีรวมกันมากถึง 60% แต่กลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ กลุ่มอายุต่ำกว่า 10 ปี ซึ่งจะต้องมีผู้ปกครองพาเข้าชมการแข่งขันมีถึง 7.28% นับว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ ที่ต้องการทำให้กีฬานี้ มีภาพลักษณ์ความปลอดภัยในการเข้าชมกีฬาระดับสากล จนผู้ปกครองไว้วางใจ เช่นเดียวกับกลุ่มผู้หญิง ทำให้พอใจเป็นอย่างยิ่งกับการเติบโตนี้ เพราะจะทำให้กลุ่มผู้ชมนานาชาติจะยิ่งเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ด้านทิศทางในทัวร์นาเมนท์ปีหน้านั้น จะพัฒนาหลักๆ 2 เรื่อง คือกลุ่มผู้ร่วมงาน ณ เมืองจัดการแข่งขัน โดยจะต่อยอดเป้าหมายการสร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวขึ้นอีก 15% หรือเป็นยอดเม็ดเงินกว่า 800 ล้านบาท โดยการเพิ่มส่วนจัดแสดงสินค้าใหญ่ยิ่งขึ้น และการประชุมสัมมนา อีกเรื่องคือการเพิ่มฐานการรับชมทั่วโลกให้ครอบคลุม 200 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 600 ล้านคน ซึ่งจะเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยอย่างดี
