ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรต่อต้านสารกระตุ้นรัสเซีย เตรียมยื่นอุทธรณ์โทษแบน หลังโดน “วาดา” สั่งห้ามเข้าร่วมชิงชัยโอลิมปิกและฟุตบอลโลกเป็นเวลา 4 ปี
เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา องค์กรต่อต้านสารกระตุ้นโลก หรือ วาดา (WADA) ได้มีคำสั่งห้ามนักกีฬาจากรัสเซียทุกประเภท เข้าร่วมการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ทั้งฟุตบอลโลกและโอลิมปิก เนื่องจากตรวจสอบพบว่าหน่วยงานตรวจสารกระตุ้นของรัสเซียขาดความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน
ช่วงที่ผ่านมา รัสเซีย ถือเป็นชาติที่มีข่าวพัวพันเรื่องสารกระตุ้นมาโดยตลอด และสาเหตุการโดนแบนในครั้งนี้นั้นเกิดจากการเจ้าหน้าที่ของรัสเซียเข้าไปยุ่งกับห้องปฏิบัติการณ์และพยายามบิดเบือนข้อมูล ซึ่งแสดงถึงความไม่โปร่งใสของนักกีฬาจากรัสเซีย ทำให้มติในที่ประชุมของ วาด้า ครั้งนี้ถือเป็นเอกฉันท์
โดยเมื่อเดือนมกราคมปี 61 นักกีฬารัสเซีย 111 รายถูกตัดสิทธิ์จากการเข้าแข่งขชันโอลิมปิกเกมส์ ฤดูหนาว 2018 ที่ประเทศเกาหลีใต้ หลังกริกอรี่ ร็อดเชนคอฟ อดีตหัวหน้าห้องวิจัยต่อต้านการใช้สารกระตุ้นของรัสเซียออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาทำบางอย่างกับตัวอย่างของนักกีฬารัสเซียที่ลงแข่งโอลิมปิกเกมส์ ฤดูหนาว ที่ประเทศรัสเซียเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2014 เพื่อทำให้ตรวจไม่พบว่านักกีฬาเหล่านั้นใช้สารกระตุ้น ซึ่งนั่นทำให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ลงมาสอบสวนและตรวจหาสารกระตุ้นใหม่ด้วยตัวเอง เพราะยอมรับไม่ได้ที่คนใหญ่คนโตในวงการกีฬารัสเซียสนับสนุนให้นักกีฬาของชาติใช้สารกระตุ้น
ล่าสุด อเล็กซานเดอร์ อิฟเลฟ ประธานคณะกรรมการที่กำกับดูแลหน่วยตรวจสอบสารกระตุ้นของรัสเซีย หรือ RUSADA เผยว่าเตรียมยื่นอุทธรณ์โทษต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก (CAS) ภายใน 10-15 วันหลังจากนี้เพื่อให้มีการทบทวนคำสั่งดังกล่าวใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี (IOC) ได้เปิดช่องให้นักกีฬารัสเซียที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ สามารถเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นได้ โดยลงแข่งขันแบบไร้สังกัดทีมชาติภายใต้ธงของโอลิมปิก ซึ่งเป็นกรณีเดียวกับที่เกิดขึ้นตอนโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่ประเทศเกาหลีใต้
