ไมค์ ไรลี่ย์ หัวหน้าผู้ตัดสินของพรีเมียร์ลีก เปิดเผยว่า ในฤดูกาลนี้มีการตัดสินที่ไม่ถูกต้องจากการใช้ VAR ถึง 4 ครั้ง โดยทางทีมงานผู้ตัดสินเตรียมปรับปรุงแก้ไขการใช้งานให้ดีขึ้นกว่าเดิม ก่อนเกมลีกจะกลับมาแข่งขันอีกครั้งในคืนวันเสาร์นี้
เทคโนโลยี VAR คือการใช้ภาพวิดีโอช่วยกรรมการในสนามตัดสินเกมการแข่งขันได้อย่างแม่นยำ โดยการใช้เทคโนโลยีนี้จะมีผู้ตัดสินประจำการอยู่ในห้องส่งและข้างสนาม ซึ่งมีจอมอนิเตอร์ ลิงก์สัญญาณจากกล้องถ่ายทอดสดความละเอียดสูงมาให้ดู เมื่อผู้ตัดสินในสนามสงสัยในบางจังหวะสามารถติดต่อให้ผู้ตัดสินในห้องมอนิเตอร์เช็กภาพ ก่อนอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกลับไปยังกรรมการในสนามที่เป็นผู้ตัดสิน
โดยพรีเมียร์ลีก นำ VAR มาใช้งานอย่างเป็นทางการในฤดูกาลนี้ ทว่า ไรลี่ย์ เผยกับตัวแทน 20 สโมสรว่ามีการตัดสินผิดพลาดไปแล้ว 4 เหตุการณ์โดยที่ VAR นั้นไม่ได้ช่วยแก้ไขการตัดสินให้ถูกต้อง โดยทีมงานผู้ตัดสินของพรีเมียร์ลีกเตรียมปรับปรุงแก้ไขการใช้งานให้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน ไรลีย์ ยังค่อนข้างลังเลว่าจะมีการนำจอมอนิเตอร์มาติดตั้งข้างสนามเพื่อให้ผู้ตัดสินสามารถวิ่งมาเช็คที่จอได้ด้วยตัวเองหรือไม่เนื่องจากมองว่าแม้จะช่วยให้ผู้ตัดสินได้เห็นเหตุการณ์กระจ่างขึ้นแต่อาจทำให้เสียเวลามากเกินความจำเป็นและส่งผลให้เกมหยุดเล่นนานเกินไปจึงต้องพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบอีกตครั้ง
โดย 4 เหตุการณ์ที่ VAR ผิดพลาดได้แก่
- ไม่ให้จุดโทษ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมบุกชนะ บอร์นมัธ 3-1 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ทั้งที่ ดาบิด ซิลบา โดน เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา เหยียบเท้าล้มลงในกรอบเขตโทษแบบชัดเจน
- ประตูของ ฟาเบียน แชร์ กองหลังนิวคาสเซิ่ลที่ทำได้ในเกมเสมอ วัตฟอร์ด 1-1 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม โดยจังหวะก่อนหน้าจะเป็นประตู ไอแซค เฮย์เด้น ดาวเตะสาลิกาดงทำแฮนด์บอล
- ไม่ให้ใบแดง ยูริ ตีเลอมองส์ กองกลางเลสเตอร์ที่ไปย่ำใส่ข้อเท้า คัลลัม วิลสัน กองหน้าบอร์นมัธในเกม เลสเตอร์ ชนะ บอร์นมัธ 3-1 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม
- ไม่ให้จุดโทษ เวสต์แฮม ในเกมชนะนอริช 2-0 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม หลังจาก เซบาสเตียง อัลแลร์ กองหน้าขุนค้อนไโดน ทอม ทรายบูลล์ เหนียวรั้งดึงตัวจนล้ม
