Social

‘รองผบช.น.’ แจงยิบ กมธ.สภา คดี ‘บอส อยู่วิทยา’ ยืนยันปปช.ไม่ชี้มูลความผิด

รองผบช.น. “พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน” ส่งหนังสือถึง กมธ. ยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงอย่างละเอียด ถึงความเกี่ยวข้อง ของตัวเองในคดี ‘บอส อยู่วิทยา’ ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ยืนยัน ป.ป.ช.ไม่ได้ชี้มูลความผิดตัวเอง  

วันนี้ (17 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) ส่งหนังสือลงวันที่ 15 สิงหาคม 2563 ถึง นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อชี้แจงรายละเอียดถึงความเกี่ยวข้อง ของตัวเอง ในคดีที่นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ขับรถชนรถจักรยานยนต์ ที่มี ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เป็นผู้ขับขี่ และทำให้ ด.ต.วิเชียรเสียชีวิต

 'บอส อยู่วิทยา'

ในหนังสือฉบับดังกล่าว พล.ต.ต.สุคุณ ย้ำว่า คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่ได้ชี้มูลว่า เขามีความผิดทางวินัย แต่มีมติส่งเรื่องให้ต้นสังกัดไปดำเนินการตามหน้าที่ และคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการสอบสวน และมีมติแล้วเห็นว่า การกระทำของตัวเอง ไม่มีมูล และยุติเรื่อง โดยระบุว่า

แจงละเอียด คดี ‘บอส อยู่วิทยา’

เรื่อง หนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีคดีจราจรที่ 633/2555 ลงวันที่ 3 กันยายน 2555 ของสน. ทองหล่อ ที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

เรียน นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน

 'บอส อยู่วิทยา'

เรื่องเดิม คดี ‘บอส อยู่วิทยา’

ตามหนังสือ สผ. 0014.1 / 4426 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2563 เรื่องขอเชิญเข้าร่วมประชุม กับคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน กรณี นายวรยุทธ อยู่วิทยา ซึ่งขับรถยนต์ชนเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแก่ความตาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อ พ.ศ. 2555 โดยในปัจจุบัน อัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี ในทุกข้อกล่าวหา และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่แย้งคำสั่งของพนักงานอัยการ ส่งผลให้คดีเป็นอันสิ้นสุด ตามกระบวนการทางกฎหมา ยความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

ข้อเท็จจริง

กระผม ขอเรียนข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 เวลาประมาณ 05.00 น. นายวรยุทธ อยู่วิทยา ได้ขับรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ญญ 111 กรุงเทพมหานคร ชนรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียนโล่ 51511 มีด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เป็นผู้ขับขี่ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดที่ถนนสุขุมวิท 49  แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ได้รับคำร้องทุกข์ เป็นคดีจราจรที่ 693/2555 ลง 3 กันยายน 2555

โดยมี พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนการสอบสวน

ต่อมากองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ที่ 168/2555 ลง 4 กันยายน 2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี กระผม พ.ต.อ. สุคุณ พรหมายน รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (ยศและตำแหน่ง ณ ขณะนั้น) เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน และคณะรวม 8 นาย เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชน และสื่อมวลชนให้ความสนใจ เพื่อประสิทธิภาพ และความเป็นธรรมในการสอบสวน

'บอส อยู่วิทยา'

การดำเนินการ

ได้มีการประชุมคณะพนักงานสอบสวน และกำหนดแนวทางการทำสำนวน ไว้ดังนี้

1. เป็นสำนวนที่ประชาชนให้ความสนใจ และผู้ต้องหามีการประกันตัวในชั้นสอบสวน ให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน รีบสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนโดยเร็ว ตามกรอบคำสั่งกรมตำรวจที่ 460/2537  ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2537 เรื่อง มาตรการควบคุมตรวจสอบเร่งรัดการสอบสวนคดีอาญา

2. คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ที่ได้รับการแต่งตั้ง สังกัดสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อทั้งหมด เพื่อความสะดวก และทำการสอบสวนโดยเร็ว จึงให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ และคณะ ถือสำนวนการสอบสวนไว้ และสอบสวนพยานบุคคล หรือพยานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไปได้เลย โดยหลังดำเนินการ ให้รายงานให้ทราบ เพื่อเป็นข้อมูลกำหนดแนวทาง การประชุมวางแผนการสอบสวนต่อไป

3. ในกรณีมีความจำเป็น และหากมีประเด็นพิจารณาเร่งด่วน สามารถจัดการประชุม หรือใช้ช่องทางติดต่ออื่นๆ ได้ เช่น โทรศัพท์ และเมื่อมีพยานหลักฐานเพียงพอ ให้รีบรายงานให้ทราบ และพิจารณาแจ้งข้อหาได้

4. ได้มีการกำหนดประเด็น ให้สอบสวนพยานบุคคล ตรวจสอบวัตถุพยาน เร่งติดตามผลการตรวจพยานหลักฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว เมา และสารแปลกปลอม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจแพทย์ ผู้ออกรายงาน และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ปรากฏ อันจะสามารถนำมาใช้ในการพิจารณาคดี

ต่อมา กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้มีคำสั่งที่ 519/2555 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ให้กระผมพ้นจากตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ไปดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1

'บอส อยู่วิทยา'

ข้อพิจารณา

1. กรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับขี่รถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

ตั้งแต่ข้าพเจ้าได้รับคำสั่ง ให้มาปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ ได้มีการดำเนินการ เพื่อให้ปรากฏในประเด็นดังกล่าวดังต่อไปนี้

วันที่ 5 กันยายน 2555 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนฯ พบกล้องวงจรปิด CCTV ที่เชื่อว่า สามารถใช้ยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และสอบปากคำ พ.ต.ท.สมยศ แอบเนียม ผู้ชำนาญการการตรวจสภาพรถ

วันที่ 6 กันยายน 2555 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้นำไฟล์กล้องวงจรปิด CCTV มามอบให้กับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้นำส่งไฟล์กล้องวงจรปิด CCTV ไปยังพิสูจน์หลักฐานกลาง เพื่อตรวจสอบความเร็วของรถยนต์ในภาพ

วันที่ 26 กันยายน 2555 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีหนังสือขอรับผลการตรวจแผ่นดีวีดีภาพ จากกล้องวงจรปิดจากพิสูจน์หลักฐานกลาง เพื่อประกอบสำนวนพบว่าความเร็ว ของรถยนต์ คันที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับขี่มา มีความเร็ว 177  กม./ชม. โดยมีค่าความผิดพลาดบวกหรือลบ ๑๗ กม./ชม.

คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนพิจารณาจากพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มีความน่าเชื่อถือน่าเชื่อได้ว่า นายวรยุทธได้ขับขี่รถยนต์เร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดอย่างชัดเจน สามารถแจ้งข้อกล่าวหาในกรณีนี้ได้ จนนำมาสู่การแจ้งข้อกล่าวหาในวันที่ 25 ตุลาคม 2555

2. กรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับขี่รถ ในขณะเมาสุราฯ

ตั้งแต่ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ ได้มีการดำเนินการ เพื่อให้ปรากฏในประเด็นดังกล่าว ดังต่อไปนี้

วันที่ 3 กันยายน 2555 พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ได้มีการเจาะเลือดของนายวรยุทธ อยู่วิทยาไว้ เพื่อตรวจสอบ ก่อนที่จะมีการตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนไว้ก่อนแล้ว

 'บอส อยู่วิทยา'

วันที่ 13 กันยายน 2555 ได้รับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีหนังสือขอรับผลการตรวจเลือด และดีเอ็นเอของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา จากพิสูจน์หลักฐานกลาง และผลการตรวจเลือดนายวรยุทธ อยู่วิทยา จากโรงพยาบาลรามาธิบดี (เนื่องจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ผู้ตรวจเก็บตัวอย่างเลือดแล้ว จัดส่งต่อไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี) ผลการตรวจเลือดพบว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (64.68 มก. %)

คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน พิจารณาจากพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มีความน่าเชื่อถือน่าเชื่อได้ว่า นายวรยุทธได้ขับขี่รถยนต์เร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดอย่างชัดเจน สามารถแจ้งข้อกล่าวหาในกรณีนี้ได้ จนนำมาสู่การแจ้งข้อกล่าวหาในวันที่ 25 ตุลาคม 2555

3. กรณีพบสารแปลกปลอมในเลือดของนายวรยุทธ อยู่วิทยา

ตั้งแต่ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ ได้มีการดำเนินการ เพื่อให้ปรากฏในประเด็นดังกล่าว ดังต่อไปนี้

วันที่ 3 กันยายน 2555 พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ได้มีการเจาะเลือดของนายวรยุทธ อยู่วิทยาไว้ เพื่อตรวจสอบ ก่อนที่จะมีการตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนไว้ก่อนแล้ว

วันที่ 13 กันยายน 2555 ได้รับผลตรวจสิ่งแปลกปลอม ที่อยู่ภายในเลือดของนายวรยุทธ อยู่วิทยา จากโรงพยาบาลรามาธิบดี (เนื่องจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ผู้ตรวจเก็บตัวอย่างเลือดแล้ว จัดส่งต่อไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี) พบสารแปลกปลอม 4 ชนิด

1. Alprazolam  2. Benzoytecgonine  3. Cocaethylene 4. Caffeine

โดยเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า สารแปลกปลอมนั้นมิใช่สารเสพติด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 135 พ.ศ. 2539

วันที่ 17 กันยายน 2555 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้มีหนังสือไปสอบถามสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับสารแปลกปลอม ที่พบในเลือดของนายวรยุทธ อยู่วิทยา

วันที่ 18 กันยายน 2555 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้มีหนังสือไปสอบถาม แพทย์ผู้ออกรายงาน โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อสอบถามที่มาของสารแปลกปลอม ที่พบในเลือดของนายวรยุทธ อยู่วิทยา

วันที่ 11 ตุลาคม 2555 ได้รับผลการตรวจสารแปลกปลอม จากโรงพยาบาลรามาธิบดี

วันที่ 28 ตุลาคม 2555 ได้รับผลการตรวจจากนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ แจ้งสารแปลกปลอมในเลือด

 'บอส อยู่วิทยา'

ภายหลังจากที่ได้รับผลการตรวจสารแปลกปลอมแล้ว เห็นควรสอบสวนแพทย์ผู้ออกรายงานของโรงพยาบาลรามาธิบดี ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชื่อสารทางวิทยาศาสตร์  แต่เนื่องจากวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้มีคำสั่งที่ 519/2555 ให้กระผมพ้นจากตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ไปดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ทำให้พ้นหน้าที่ควบคุมดูแลการสอบสวนคดีนี้ และไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในคดีอีกต่อไป

ในส่วนของสำนวนการสอบสวน มอบให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ และพนักงานสอบสวนที่เหลือสอบสวนต่อไป ภายหลังกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนชุดที่ 2  รวม 7 นาย มีพ.ต.อ. ไตรเมต อู่ไทย รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีพล.ต.ต.กฤษ เปียแก้ว ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ที่ 318/2555 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2555

ทราบภายหลังว่า คณะพนักงานสอบสวนชุดที่ 2 ได้มีการสอบสวนพยานบุคคล และรวบรวมหลักฐานจนเสร็จสิ้น ร่วมกันพิจารณาพยานหลักฐาน และลงนามมีความเห็นทางคดีส่งสำนวนให้พนักงานอัยการในวันที่ 4 มีนาคม 2556 โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ในความผิดฐานขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แล้วหลบหนี

และเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ในความผิดฐานขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดฯ และขับรถในขณะเมาสุราฯ ในส่วนสารแปลกปลอมที่พบในเลือด ไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งในสำนวนดังกล่าวกระผมไม่ได้ร่วมพิจารณาพยานหลักฐาน มีความเห็นของพนักงานสอบสวนควรสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง รวมถึงไม่มีลายมือชื่อของกระผมในส่วนใด ๆ ของสำนวนการสอบสวน แต่อย่างใด

 'บอส อยู่วิทยา'

อนึ่ง ตามที่มีข่าวในสื่อมวลชนว่า คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติชี้มูลพนักงานสอบสวนในคดีนี้ว่า มีมูลกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง และมีชื่อกระผม ถูกชี้มูลความผิดด้วยนั้น

ข้อเท็จจริงในส่วนของกระผม คือ คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ไม่ได้ชี้มูลความผิดทางวินัย ในส่วนของกระผม แต่มีมติส่งเรื่องให้ต้นสังกัดไปดำเนินการไปตามหน้าที่ และอำนาจตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 (ตามหนังสือปช. ที่ 0020/1636 ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 เรื่องรายงานผลการพิจารณาโทษทางวินัย และส่งเรื่องให้ดำเนินการไปตามหน้าที่และอำนาจ)

และในส่วนการดำเนินการทางวินัยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว (ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 288/2559 ลงวันที่ 22 เมษายน 2559 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง) และคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมีมติแล้ว เห็นว่า การกระทำของกระผมยังไม่มีมูลควรกล่าวหา เห็นควรยุติเรื่อง

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

พลตำรวจตรี สุคุณ พรหมายน

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo