Social

ไม่มีตัวตนจริง! ‘นักประวัติศาสตร์’ หักล้างสายมู ยัน ‘ครูกายแก้ว’ ชื่อตั้งกันเอง

“นักประวัติศาสตร์” งัดข้อมูลโต้ “สายมู” ยัน “ครูกายแก้ว” ไม่มีตัวตนจริง เป็นชื่อที่ตั้งกันขึ้นมาเอง ระบุ ชื่ออาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในจารึกไม่ใช่ชื่อนี้  

กรณี “ครูกายแก้ว” อสูรเทพแห่งโชคลาภได้กลายเป็นไวรัล ถูกวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากที่มีการทำพิธีบวงสรวงเบิกเนตร มีคนเข้าร่วมทำพิธีจำนวนมาก ซึ่งระหว่างพิธีได้เกิดฝนฟ้าคะนองลมแรง ทำให้เกิดกระแสหวาดหวั่นว่าจะเกิดอาเพศหรือไม่ และครูกายแก้วเป็นใครกันแน่ ควรกราบไหว้หรือไม่ หลังจากที่สายมูเผยว่าครูกายแก้วเป็นอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

ครูกายแก้ว

รายการ โหนกระแส ออกอากาศวันนี้ (16 ส.ค.) “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้สัมภาษณ์สองมุม อ.แขก รือเสาะ ซุ้มจอมขมังเวทย์ อ้วน พระราม 5 อั๋น โอกิ เซียนพระ คนที่เชื่อและศรัทธา

อีกมุมคือ รศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผศ.ดร.กังวล คัชชิมา อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาตะวันออก ผู้เชี่ยวชาญด้านจารึกเขมรโบราณ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ออกมายันว่าครูกายแก้วไม่มีในประวัติศาสตร์

อ.แขกไปเกี่ยวข้องอะไรกับครูกายแก้ว เชื่อว่ามีจริงหรืออย่างไร

แขก: ผมอยู่มายุคแรกๆ ของครูกายแก้ว ที่เป็นความเชื่อของครูกายแก้วในยุคแรก ๆ ตามความเชื่อแนวผม ครูกายแก้วต้นกำเนิดมาจากพระรูปนึง คือหลวงปู่บุญโฮม นาคธัมโม ท่านอยู่วัดดงสวนผึ้ง จังหวัดร้อยเอ็ด นี่คือต้นกำเนิดของท่านจริง ๆ

หลวงปู่บุญโฮม เป็นอาจารย์ของอาจารย์สุชาติ และอาจารย์ถวิล ตัวท่านเก่งเรื่องวิชาครูธรรมทางด้านอีสาน ในวิชาครูธรรมมีอยู่บทนึงคือ ครูธรรมสุวรรณกาย คือกายเป็นสีทอง ในเรื่องการบูชาครูในสายครูธรรม หรือหลวงปู่บุญโฮม ท่านระบุไว้ชัดเจนว่า การเรียนการเข้ามาศึกษา ต้องกินมังสวิรัติตลอดชีพ ไม่กินเนื้อเลย เพื่อเอากายตัวเองให้ละเอียดที่สุด แล้วองค์ครูธรรมที่เรียกว่าองค์ครูสุวรรณกาย ที่ปัจจุบันเรียกว่าครูกายแก้ว วิธีการบูชาท่าน

ในตำราระบุเลยว่าให้บูชาด้วยของหอม ดอกไม้หอม บูชาด้วยผลไม้กับน้ำเปล่าเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ก็อย่างที่เห็น ถ้าเอาดั้งเดิมของสายอาจารย์สุชาติ เขาก็ยังยึดเหมือนเดิมนะในการบูชา คือไม่มีเนื้อสัตว์ไม่มีของคาวเลย บูชาด้วยผลไม้เหมือนเดิม ไม่เกี่ยวกับเนื้อสัตว์เหมือนเดิม

ปัจจุบันที่เกิดหลายกระแสขึ้นมา ก็ต้องบอกว่าอย่าเอาทุกอย่างมารวมกัน เพราะทุกคนพยายามรวมเอาทุกอย่างมาเป็นครูกายแก้ว แล้วเอาความเชื่อ ความมโนตัวเอง มายัดให้ครูกายแก้ว อย่างการบูชาล่าสุด มีการเอาเนื้อสัตว์ดิบ ของสดมาบูชา มันเป็นของต้องห้ามเลย

ครูกายแก้ว

มุมความจริงฝั่งคุณบอกว่าดอกไม้ ผลไม้ ขนมหวาน ทองคำ บูชาทองคำเลยหรือ

อีสาน เป็นวิชาการเรียนในแนวปฏิบัติทางไสยศาสตร์ของทางอีสาน มีอยู่บทนึงเรียกว่าครูธรรม สุวรรณกาย ชื่อนี้แหละด้วยความเข้าใจของคนบางคน มันไปพ้องกับพญาครุฑ ซึ่งมีชื่อนึงว่าสุวรรณกายเหมือนกัน ก็เลยมีหลายคนมีความเชื่อว่าตัวท่านก็เปรียบดุจพญาครุฑ ก็เลยกลายมามีปีกแบบนี้

แต่ถ้าตามตำราเดิม ไม่มีปีก แต่คราวนี้เราต้องท้าวความว่า นี่คือรูปเคารพของอ.สุชาติ เป็นครูธรรมที่ อ.สุชาติท่านเรียนในแบบฉบับท่าน และนิมิตเห็นองค์นี้ขึ้นมา และตั้งเป็นครูต้นครูธรรมของท่าน รูปลักษณ์นี้เกิดจากอ.สุชาตินิมิต แต่มีที่มา คือด้วยบทครูธรรมบทนี้ มีฤทธิ์มากในเรื่องการปราบอาถรรพณ์ พอพ้องกับคำว่า สุวรรณ มันคือครุฑ อาจเป็นตัวเหนี่ยวนำ ที่อ.สุชาติท่านออกไปทางแนวนั้นขึ้นมา

ส่วนเล็บแดงก็มีที่มานะ ถ้าองค์ใหญ่ที่เป็นประเด็นเล็บจะมีสีแดง คือในบทครูธรรมบอกว่า ครูธรรมมีฤทธิ์ดุจพญาไกรสรราชสิงโห คือราชสีห์ที่อยู่ในป่า ตาแดง แล้วมีบทนึงเวลาจะจับภูตผีปีศาจ จับปอบ อะไรแบบนี้ เขาจะใช้มือหยิบเอาเลย เขาจะมีคาถาโดยการอัญเชิญบทราชสิงโห ใช้ในการหยิบภูตผีปีศาจในการจับปอบ ในหลักความเชื่อของครูธรรม เขาเลยทำเป็นเล็บแดง นี่คือที่มาของความเชื่อ

ครูกายแก้ว เกี่ยวข้องอะไรกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพราะตอนแรกเลย ครั้งที่แล้วที่สัมภาษณ์ มีการสัมภาษณ์ว่าท่านเป็นอาจารย์ขอพระชัยวรมันที่ 7

แขก: เอาแนวผมก่อนนะ วิชาครูธรรมหรือครูธรรม 9 โกฎิ ของหลวงปู่บุญโฮม ท่านระบุว่า องค์ครูธรรมสุวรรณกาย เป็นเทพที่มีอายุเป็นพันปีเท่านั้นเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพระเจ้าชัยวรมันเลย ในต้นกำเนิดเดิมนะ แม้แต่ผมคุยกับ อ.สุชาติ ท่านก็ไม่เคยพูดถึงว่าเป็นอาจารย์พระเจ้าชัยวรมัน

แต่วันนี้มีพูดถึงนะ

แขก: ผมก็เลยกลายเป็นประเด็นที่ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ แต่เอาแนวที่ผมรู้ก่อนแล้วกัน ผมก็ไม่เคยได้ยิน อ.สุชาติ ท่านพูดว่าองค์ครูกายแก้ว เป็นอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ไม่เคยได้ยิน แล้วปกติการนับถือองค์ครูธรรม 9 โกฎิ เขาจะไม่เอามาเผยแพร่

เราจะเห็นว่าสมัยก่อน ตอนอ.สุชาติทำองค์ยืน น้อยคนมากจะได้เห็นองค์ยืนนะ ในเน็ตตอนนี้ น่าจะมีการแชร์รูปองค์ยืนกันแล้ว องค์ยืนเป็นองค์ที่ อ.สุชาติบูชาคนเดียว ไม่ให้ใครบูชาเลย เก็บไว้ในห้อง

เรื่องมีปีกไหม ผมก็ไม่ได้เห็นองค์จริงใกล้ชิด แค่เห็นไกล ๆ ด้วยความที่แกหวง (หัวเราะ) ท่านก็ไม่ได้ให้ดู แต่ภายหลังพอทำนั่งมีปีกชัดเจน

อ.แขกบอกว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เลย แต่วันนั้นที่คุยกัน มีใช่ไหม

อ้วน: ผมเข้าใจว่า หนึ่งผมเป็นหนึ่งท่านที่ไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ ผมเป็นแค่หนึ่งท่านที่มู ซึ่งความเชื่อของผม ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือไม่จริง เพียงแต่ว่าผมอธิษฐานขอพรแล้วเป็นกำลังใจที่ดี ผมประสบความสำเร็จ ผมก็นับถือ แล้วการนับถือผมก็ไม่ได้เดือดร้อนใครเลย ไม่ได้ต้องเอาเงินมา ต้องเชื่อแบบผมนะ ไม่มีเลย

ผมเห็นในคอมเมนต์บอกว่านับถือพ่อแม่ ใช่ครับ ผมก็นับถือพ่อแม่ ก่อนมาผมก็ไหว้พ่อแม่ขอพรจะไปออกรายการนี้ กลัวกระแสตีลบ ผมก็ขอพ่อแม่เสร็จ ผมขับรถผ่านพระประธานในโบสถ์ ผมก็ขอหลวงพ่อครับ ลูกขอพรให้วันนี้โดนด่าน้อย ๆ ทัวร์อย่าลงเลย พอเลยไปอีกหน่อย ผมก็เจอศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ ผมก็ไหว้มาตลอดทาง ผมเป็นคนชอบไหว้ ผมผิดเหรอ ผมก็นับถือในมุมของผมนะ ในมุมสายมู ผมก็กราบไหว้พระ ขอพรในมุมสายมูก็ไม่ได้แพ้ใครเลย

พฤหัสบดีที่แล้ว ทำเรื่องครูกายแก้ว มีการอ้างถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แต่สิ่งหนึ่งที่คุณโทนพูดออกมา เหมือนบอกว่าจากเรื่องเล่า ตำนานที่เขาว่ากันมา ทีนี้เรื่องนี้ปล่อยผ่านไม่ได้ เพราะเรานำเสนอไปแล้ว

ผมเองวันนั้นออกจากโหนกระแสไป ก็ต้องรับผิดชอบด้วยเหมือนกัน เพื่อความไม่สับสนและยืนยันตามข้อเท็จจริงเลยว่าตกลงแล้วครูกายแก้ว มีตัวตนในประวัติศาสตร์มัไหม แล้วเป็นอาจารย์พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ไหม ตกลงอย่างไร

ดร.กังวล: เวลาเราพูดถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ มันมีการบันทึกไว้ไม่ใช่ทุกเรื่องนะครับ มีบันทึกเป็นบางเรื่อง แต่ว่าชื่อครูของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีบันทึกไว้ ไม่ใช่ชื่อกายแก้ว

ในจารึกพูดถึงการสร้างปราสาทอุทิศให้พระราชมารดา แล้วในตรงข้างสองข้าง ตั้งรูปครูของท่าน และระบุชื่อไว้ด้วย ชื่อแรกชื่อว่า ศรีชยมังคลารถเทวะ อีกด้านชื่อว่าศรีชยกีรติเทวะ คำว่าเทวะ น่าจะเป็นชื่อหลังจากที่ท่านเสียชีวิตแล้ว ครูก็เลยได้รับการยกย่องให้เป็นเหมือนหนึ่งเทพ

ฉะนั้นชื่อครูของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีสองชื่อ และมีอีกท่านนึง ซึ่งในจารึกพูดถึงชื่อว่า ศรีชยมหาประธาน ท่านก็อายุยืนมาก เพราะว่าหลังพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สวรรคตแล้ว ก็ยังเป็นครูของกษัตริย์องค์ต่อมาด้วย ท่านอายุถึง 104 ปี ส่วนสองท่านก่อนหน้านั้นน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ขึ้นครองราชย์แล้ว และได้สร้างปราสาทตาพรหม เอารูปท่านไปตั้งเอาไว้

ตรงนี้มีจารึกไว้เป็นหลักฐานอย่างไร

ดร.กังวล: โดยปกติจารึกจะเป็นเรื่องการทำบุญ จารึกส่วนมากที่ปรากฏนะครับ ทีนี้เขาก็ต้องบอกกล่าวถึงเรื่องราวว่า เขาทำบุญให้ใครบ้าง ก็มีบอกชื่อที่ทำบุญ บางทีจะอ้างตัวเอง อ้างสายสกุลมา ส่วนมากเราได้ประวัติศาสตร์จากที่เขาเล่าเรื่องราวของตัวเองนี่แหละ และเล่าเรื่องถึงการถวาย ทำบุญอุทิศให้ใครบ้าง

อย่างจารึกปราสาทตาพรหมสูงมากนะครับ สูง 184 เซนติเมตร และเขียนหนังสือ 4 ด้าน เป็นภาษาสันตกฤต แล้วสโลกที่ 37 นี่แหละ ที่ระบุชื่อครูของท่านไว้ เขาเขียนเป็นกลอนที่ 37 ระบุถึงชื่อว่า มีชื่อท่านสองท่านนี้

แล้วรูปร่างหน้าตามีบันทึกเอาไว้ หรือสร้างเป็นอะไรก็แล้วแต่ให้เห็นไหม หน้าตาเป็นอย่างไร

ดร.กังวล: ไม่มีครับ โดยปกติท่านเป็นคนธรรมดา เป็นพราหมณ์นี่แหละครับ โดยปกติท่านเป็นพราหมณ์แล้วจะมีภาพเกี่ยวกับฤาษี มีสลักเยอะแยะไปในปราสาทหินต่างๆ เป็นคนธรรมดานี่แหละครับ

แล้วอาจารย์มองอย่างไร 

ดร.รุ่งโรจน์: ประเด็นคือเราต้องบอกก่อนว่าผมยืนตามหลักฐาน ที่มันตกค้างมา อย่างที่อาจารย์กังวลพูดคือจารึกตาพรหมที่เมืองพระนคร ด้านที่สองระบุชัดเจนในสันสกฤตว่า มูรติคุรุยศ คือรูปของครู ที่นี่ความหมายของคำว่าของครู คุรุในสันสกฤต จารึกเขมร แปลว่าประธานฝ่ายนักบวชก็ได้ ไม่ได้หมายถึงครูอย่างเดียว

ถามว่าเมื่อจารึกไม่ได้บอก จะมีครูกายแก้วเพิ่มมาได้หรือเปล่า ประเด็นถัดมาผมมองว่า ต่อให้จารึกไม่บอก ผมก็คิดว่าไม่น่ามีครูกายแก้ว เพราะจารึกในเขมรสมัยเมืองพระนคร ไม่ปรากฏคำว่าแก้ว ไปดูในดิกชันนารี เขมรโบราณไม่พบคำว่าแก้ว สระแอ ในเขมรโบราณไม่มี มาพบในรุ่นสมัยอยุธยา

คำว่าครูในจารึกเขมรก็ไม่มีด้วยนะ เป็นคุรุ ฉะนั้นชื่อนี้เซ้นส์ก็ชี้ชัดว่า เป็นชื่อที่ตั้งกันเกิดขึ้น ถ้าเกิดสมมติเกี่ยวข้องกับชัยวรมันที่ 7 จริง ชัยวรมันที่ 7 เวลาตั้งชื่อที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ท่าน ต้องมีคำว่า “ชย” นำหน้า ทำไมไม่มีคำว่าชยกายแก้ว

ดังนั้น ผมก็เลยคิดว่าตามหลักฐานที่มันมีตกค้าง กับชื่อครูกายแก้วมันก็ไม่ตอบรับกันตรงนั้น

ทางนี้ยืนยันว่า ชื่อครูกายแก้วไม่ได้นำมาในประวัติศาสตร์ เป็นชื่อที่ อ.สุชาติตั้ง และเรียกเองว่าครูกายแก้ว

แขก: ท่านนิมิตเห็นครูกายแก้วเป็นผลึก ตามหลักวิชาครูธรรม เขาบอกชัดเจนว่า เราต้องปฏิบัติตัวในการทำจิตใจให้สะอาดถึงที่สุด ถึงจะกลายเป็นผลึกได้ ณ จุดนี้มากกว่า ที่มองว่า อ.สุชาติเอามาเรียก เพราะสูงสุดของครูธรรม

เวลาเรานั่งสมาธิเห็น หรือเจอในฝัน ส่วนใหญ่จะเห็นรูปลักษณ์เป็นรูปผลึกใส ๆ มากกว่า ผมก็เลยคิดว่าท่านน่าจะเรียกว่าครูกายแก้วจากจุดนี้

ครูกายแก้ว

ประเด็นคือภาพนี้ ที่มีการยืนยันว่า เป็นรูปครูกายแก้ว ที่ปราสาทตาพรหม อ.ต้นบอกว่า เป็นครูกายแก้ว อยู่สมัยพระเจ้าวรมันที่ 7 อาจารย์พอทราบเรื่องมั้ย

แขก : เอาตรงๆ ครูกายแก้วผมก็ฟังหลายฝ่ายเลย ถ้าจากที่ผมรู้ ไม่ได้เกี่ยวกันเลยกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แต่ถ้าเอาในเรื่องความเชื่อในครูธรรม 9 โกฎิ หรือครูสุวรรณกาย ตามตำนานเขามีความเชื่ออีกแนวหนึ่ง ซึ่งผมมองว่าด้วยความเชื่อนี่แหละ เลยถูกโยงมาเกี่ยวกับเขมร เพราะเขาบอกว่าต้นสายของบรมครูสุวรรณกาย ท่านมีฤทธิ์มาก และเคยสาปตระกูลสุริยวรมันจนล่มสลาย

เขาเคยมีพูดในตำราว่า บรมครูมีฤทธิ์มากถึงขั้นสาปตระกูลสุริยวรมันจนล่มสลาย อันนี้เป็นที่มาความเชื่อมาถึง ณ ปัจจุบันเลยว่าคนที่มี 11 นิ้ว สามารถล้างอาถรรพ์ได้ ถ้าเอาตามครูธรรมวิชา ที่ อ.สุชาติท่านบอกนะ

ผมก็เคยถามว่าทำไมไม่มี 11 นิ้ว อย่างที่บอกว่าคนเรียนไม่พูด คนพูดไม่เรียน ไม่มีใครบอกวิชาตัวเองหมด เหมือนปัจจุบันนี้ที่ออกมาพูดกัน คนพูดก็ไม่ได้เรียน คนเรียนอย่าง อ.สุชาติท่านก็ไม่เคยพูด เพราะเป็นกฎห้ามของการเรียนวิชาครูธรรมอยู่แล้ว ถ้าถามผมในฐานะผมศึกษาไสยศาสตร์ ไม่ได้เกี่ยวกับกายแก้ว

แล้วทำไมวันนั้นที่มาที่ไป เป็นแบบนั้นได้

อ้วน : ต้องบอกว่าตัวผมไม่ได้ศึกษาลึกว่า ประวัติความเป็นมาถึงเขมรถึงอะไร ผมบอกตั้งแต่แรกว่า ผมมู ผมไปกราบรูปหล่อท่าน แล้วผมสำเร็จ แต่ถ้าลงดีเทลผมไม่รู้ เป็นพี่ๆ ในกลุ่มที่เขามีความเชื่อกันแบบนั้น

คุณอั๋นมองอย่างไร

อั๋น : เรื่องความเชื่อกับประวัติศาสตร์ มันเอามารวมกันไม่ได้ เพราะความเชื่อในหลายๆ ความเชื่อก็ไม่มีในประวัติศาสตร์ เช่นเราบูชาทวยเทพต่างๆ ศาสนาพราหมณ์ อินดู ก็ยังมีตำนานของพระพรหมที่ไม่เหมือนกัน มีสองตำนาน สามตำนาน เล่าขานกันมา อย่างครูกายแก้วก็เหมือนกัน ผมคิดว่าเป็นตำนานที่เขาเล่าสืบต่อกันมาเป็นพื้นบ้าน แล้วอะไรที่มีอายุเป็นพันปี ไม่มีใครรู้จริงหรอกครับ สมัยนั้นเอาตรงๆ เราก็เกิดไม่ทัน คนที่วิเคราะห์ก็เกิดไม่ทัน ไม่มีใครเกิดทันสักคนหรอกครับ มันคือเรื่องเล่า ตำนาน ความเชื่อ

ต่บางอันเขามีจารึกไว้เป็นหลักฐานนะ

อั๋น: ผมถามหน่อยอย่างเทพองค์อื่น ๆ ที่มาจารึก อย่างพระพิฆเนศ พญานาค หรือทวยเทพองค์อื่น ๆ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ท่านมีตัวตนจริง เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ที่เราไหว้อยู่ท่านมีตัวจริง

แต่อันนี้จารึกว่าอยู่ในเขมร ก็จะมีว่าไม่มีตัวตน

อั๋น: เรื่องเล่า ตำนานเหล่านี้ ก็เป็นเรื่องเล่าที่เล่าขานกันมา มันอาจมีตัวตนจริงก็ได้ หรือไม่มีตัวตนจริงก็ได้ มันเป็นความเชื่อพี่ ส่วนตัวผมก็นับถือหมด อะไรที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราก็เคารพ ไปกราบไหว้บูชา แต่ไม่ได้ไปลบหลู่ อันไหนเราไม่ชอบก็ปล่อยผ่านเท่านั้นเอง ให้มองเป็นกลางมากกว่า

ครูกายแก้ว

คุณอ้วนบ่นอุบเลย ว่าโดนทัวร์ลง

อ้วน: (หัวเราะ) ต้องบอกว่าผมเป็นเซียนพระ ถ้ามาถามว่า พระองค์นี้หลวงพ่ออะไร ผมตอบได้ ผมนับถือพระ ผมศึกษาพระเครื่อง ผมเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญด้านพระเครื่อง แต่สายมู ท้าวเวสสุวรรณ ท่านเป็นพระไหม พระราหู ท่านเป็นพระไหม องค์ครูกายแก้วเป็นพระไหม เทพหลาย ๆ องค์ก็ไม่ได้เป็น แต่ผมนับถือ

อย่างที่บอกพี่ วันนี้ผมนับถืออะไร ผมทำบุญกับพ่อแม่ผม ผมเลี้ยงดูพ่อแม่ผม ให้เงินเดือนพ่อแม่ ดูแลพ่อแม่เป็นอย่างดี ผมก็เชื่อว่า การที่ผมดูแลพ่อแม่ทำให้ชีวิตผมเจริญขึ้น ทำให้รุ่งเรืองขึ้น

แต่ผมชวนพี่หนุ่มไปไหว้พ่อแม่ผมไหม แล้วจะเจริญเหมือนผม พี่จะเชื่อไหม พี่ก็ไม่เชื่อ เพราะพ่อแม่พี่ก็มี คุณทำกับพ่อแม่คุณ ผมทำกับพ่อแม่ผม อันนี้คือความเชื่อ แต่วันนี้ผมมาในฐานะผมก็เป็นหนึ่งคนที่กราบไหว้สายมู เพราะผมก็ไหว้พระราหู บูชาพระราหู ทั้งที่ผมก็ไม่เชื่อเลยนะว่า ผมต้องบูชาพระราหู จนมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งแนะนำมา เขาดูดวงลัคนาราศี เขาบอกว่าดวงผมเป็นลูกพระราหู ผมก็เฮ้ย จริงเหรอ ผมก็เลยสร้างพระราหู แล้วห้อยของผม ผมก็มีความเชื่อของผมแค่นั้นเอง

คุณเป็นเซียนพระ ไม่ได้รู้เรื่องแบบนี้หรอก เขาไหว้อะไรก็ไหว้ตาม เหมือนมดดำ เป็นแบบนี้ ใครไหว้อะไรก็ไหว้หมด แต่พอคุณออกมาพูดก็ทัวร์ลงว่าไปไหว้ทำไม

อ้วน: ถูกต้อง ผมไปไหว้สิบที่ เทพสิบองค์ ผมไม่รู้หรอกว่าองค์ไหนสำเร็จ แต่ผมรู้ว่าทุกองค์ ผมไปไหว้หมด ขออย่างเดียว อย่าให้ทัวร์ลงผม

แขก: ไม่น่ารอด (หัวเราะ)

อ้วน: การที่ผมไปบน ไปขอ ไปไหว้ ก็มีความเชื่อของผม องค์ไหนไม่รู้ แต่ขออย่างเดียว อย่าเกี่ยงกันช่วยแค่นั้นพอ ที่สำคัญที่สุดหลวงพ่อครับ ผมขอลัดคิวแล้วนะครับ สิ่งที่ผมไปไหว้ไปมู ไม่รู้ผมไปมูยังไง

ครูกายแก้ว

รูปที่ขึ้นอยู่เมื่อกี้คืออะไร ที่เป็นหิน ๆ

ดร.กังวล: ที่ผนังปราสาทนครวัด ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นะครับ แล้วภาพสลักนี้ เป็นภาพสลักสมัยหลัง ไม่ได้สลักพร้อมปราสาทนครวัด ปราสาทนครวัดประมาณ 900 ปี แต่พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ที่เป็นคนสร้าง ท่านสร้างไม่เสร็จเมื่อประมาณสักพ.ศ. 2100 สมัยอยุธยาแล้ว นักองจันทร์ ท่านก็ไปสลักต่อ

ที่เรารู้เพราะว่าข้างบนรูปนี้มีตัวหนังสือ จะบอกว่าตรงท่อนนี้ พระเจ้าสุริยวรมันที่สอง ท่านทำไม่เสร็จสองแผ่น นักองจันทร์เลยทำต่อให้เสร็จ ฉะนั้นรูปนี้สลักเมื่อประมาณ 500 ปี ถ้าจะใช้รูปนี้ในการอ้างอิง ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เลยครับ

ดร.รุ่งโรจน์: ภาพสลักภาพนี้อยู่ทางด้านทิศเหนือของปราสาท นี่เป็นภาพเล่าเรื่องตอนพระกฤษณะปราบพนาสูร นี่คือตอนจบของเรื่อง ที่พระศิวะลงมาขอโทษแทนพนาสูร ในรูปนี้เหมือนการแสดงถึงฉากเขาไกรลาส ที่ตีนเขาจะมีบรรดาฤาษีอยู่

ทีนี้อย่างที่อาจารย์กังวลบอก ปราสาทนครวัดก็ประมาณ พ.ศ. 1675 แถว ๆ นั้น แต่นี่มาสลักหลังอีก 400 ปีโดยประมาณ ก็เชื่อว่าสลักจากร่องรอยที่มีตกค้าง ลักษณะฤาษีแบบนี้จะพบอยู่ตามโคนเขาตัวปราสาทนครวัด คือทางเชื่อมระหว่างระเบียงคดชั้นที่ 1 กับชั้นที่ 2 ซึ่งข้างหลังก็ไม่เกี่ยวเป็นปีก แต่ชายผ้าที่ตวัดไปข้างหลังเท่านั้น

ครูกายแก้ว

ที่มองเป็นเหมือนปีก แต่จริง ๆ ไม่ใช่ปีก รูปนี้ที่คิดว่าน่าจะเป็นครูกายแก้ว แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่นะ เพราะไม่ได้อยู่ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่7?

ดร.กังวล: อันนี้เป็นฤาษีแน่ ๆ เป็นท่านั่งของฤาษี บางทีกลัวนั่งนานแล้วจะเมื่อย เขาก็จะมีสายรัดอยู่ แล้วปกติเวลาเห็นฤาษีก็จะมีผ้าพาดไปข้างหลัง ถ้าดูหลาย ๆ รูป รูปอื่นก็จะเห็นชัดเจน

มีความเข้าใจผิดกันว่ารูปนี้เป็นครูกายแก้ว และพูดต่อ ๆ กันไป แล้วนิมิต อ.สุชาติถอดมาเป็นแบบนี้ ถึงต้องเชิญฝั่งผู้รอบรู้ประวัติศาสตร์มาพูดคุยกัน เพื่อให้ท่านได้หักล้าง คนที่เข้าใจผิดจะได้เข้าใจถูกกันสักทีว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ คือ สายมู เราเข้าใจเรื่องความเชื่อ เราก็ไปเหยียดเขาไม่ได้ มีสิทธิ์ที่จะไหว้ เป็นความเชื่อของเขา

คุณเชื่ออะไรคุณเชื่อไป แต่บางความเชื่อซึ่งเป็นความเชื่อแบบผิด ๆ อย่างเช่นภาพนี้ว่า เป็นครูกายแก้ว มีปีกแบบนก แล้วไปเข้าใจว่า เป็นฤาษีตนเดียวกัน และเป็นอาจารย์พระเจ้าชัยวรมัน อันนี้คือผิด

เราในฐานะที่ไม่สามารถทำให้คนเข้าใจผิดได้ว่ามันคนละเรื่องกันนะ ผมก็ต้องเชิญนักประวัติศาสตร์มาเพื่อชี้แจงให้ฟังว่ามันคนละเรื่อง อาจขัดใจสายมู แต่สายมูก็ต้องเข้าใจประวัติศาสตร์เหมือนกันว่าที่มาที่ไปเป็นแบบไหน ยังไม่จบ

ไม่ได้ไปเหยียดครูกายแก้ว แต่ประวัติศาสต์ก็ต้องรู้ วันนี้ประวัติศาสตร์หักล้างแล้ว ยอมรับได้ใช่ไหม อาจเป็นความเข้าใจผิด

อ้วน: ผมนับถือครูกายแก้วเพราะว่าพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่เรานับถือ เขานับถือ เราก็นับถือตามเขา เขากราบไหว้บูชาก็ไม่ได้เสียหาย การกราบไหว้ของผม ก็ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครเลย ไม่ใช่ว่าเฮ้ย เอาเงินมา 5,000 จะเอาไปไหว้องค์นี้ หรือถ้าจะไปไหว้องค์นี้ ต้องฆ่าหมูฆ่าหมา เซ่นไหว้ ไม่เคยมีเลย ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนใครเลย

การที่ผมไหว้ ก็เป็นประโยชน์ด้วย ผมบอกว่าครูครับ ขอเรื่องนี้ ถ้าสำเร็จผมถวายโลงศพ 10 โลง ผมถวายโลงศพเข้ามูลนิธิ มูลนิธิจะได้เอาโลงศพไปช่วยศพไร้ญาติ ไม่ได้มีอะไรเสียหายเลย ไม่ใช่ไปตีหัวมา เอาเลือดไปเซ่น

ครูกายแก้ว

ล่าสุดที่มีข่าวออกมา ว่าฆ่าแมว?

อั๋น: เพจปลอมครับพวกนี้ สร้างกระแส เกาะกระแส สร้างประเด็นขึ้นมาว่า ต้องบูชายันต์ ด้วยลักษณะครูกายแก้ว คนปั้นเขาปั้นมาน่ากลัว มีเขี้ยว มีเล็บ ตาแดง คนที่โจมตีเขาก็สรรหาว่า ต้องมีการบวงสรวง เหมือนบูชาซาตานนะ ต้องฆ่าแมว ฆ่าหมาเพื่อเอามาบวงสรวง แต่จริง ๆ แล้วตรงกันข้าม

พอหลาย ๆ คนที่เขาไม่ได้รู้ประวัติ เขามาเห็นภาพพวกนี้ เขาก็เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว พวกนี้เป็นธรรมเนียมที่ผิดวิธี เหมือนลัทธิประหลาด แต่จริ งๆ ไม่ใช่แบบนั้น คนเขาไหว้กันเหมือนไหว้เทพองค์อื่น ไหว้ด้วยดอกไม้ ผลไม้ บูชา ขอพรต่าง ๆ ไม่ได้มีการไปฆ่าสัตว์เลย เป็นข่าวปลอมที่คนทำขึ้นมาเองเหมือนโจมตี

บางคนบอกไปหาบูชาผี ต้องบอกว่าประเทศไทยเราก็บูชาผีทั้งนั้นแหละ ผมถามว่า ที่เราไปกราบไหว้เจ้าพ่อต่าง ๆ ก็ผีหมดแหละพี่ เราไหว้ไอ้ไข่ ไอ้ไข่ก็ผีไหมพี่ ไหว้เจ้าแม่ตานี เจ้าแม่ตะเคียน ผีไหม ก็ผีทั้งนั้นแหละ มันคือความเชื่อทั้งหมดเลย ถ้าเถียงกันเรื่องความเชื่อเถียงไม่จบ เพราะเชื่อไม่เหมือนกัน

ยืนยันว่าเป็นของปลอม การบูชาครูกายแก้ว ต้องบูชาอะไร

แขก: ถ้าเอาตามวิชาครูธรรมจริง ๆ เราต้องทำจิตให้บริสุทธิ์ ในการกินมังสวิรัติ พูดน้อย เจริญวิปัสสนา สวดมนต์ ทำให้เป็นสมาธิ แล้วองค์ครูธรรมเขาระบุชัดเจนว่า ถ้าเราจะทำการบูชา ต้องบูชาด้วยเครื่องหอม ดอกไม้หอม ผลไม้เท่านั้น ห้ามสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เพราะจะทำให้วิชาครูธรรม ลดอำนาจลง หรือมีมลทิน ทำให้ไม่สะอาด เขาระบุไว้ชัดเจน

แต่ปัจจุบันนี้ที่เจอล่าสุด มีการบูชาแมว บูชาเลือด ถ้าเอาตามหลักวิชาจริงก็ไม่ได้อยู่แล้ว โดยกำหนดก็ไม่ได้อยู่แล้ว

วันนี้ที่ผมไม่สบายใจ ผมไม่ได้ห่วงครูกายแก้ว แต่ที่ห่วงมากที่สุดคือ จาก 100 คน อาจมี 1 คนที่ไปเชื่อไอ้เพจเมื่อกี้ แล้วไปฆ่าแมวฆ่าหมาบูชายันต์แล้วได้ของ เชื่อมั้ยจะมีคนคิดแบบนั้นแล้วฆ่าแมวจริง ๆ

แขก: มันต้องมี

คนอยากรวย อยากได้หวย พอเห็นแบบนี้บอกว่าให้ฆ่าแมว ก็ฆ่าแมวเลย ฉะนั้นสิ่งที่นำเสนอ อยากเตือนสตินะ ไอ้คนที่คิดว่าจะฆ่าแมวให้ครูกายแก้วกิน อย่าไปคิดทำแบบนั้นนะ ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก ศาสตร์พวกนั้นมันไม่ได้ เป็นการทำบาปด้วย อย่าไปหลงเชื่อ คุณจะเชื่อต้องมีสติ อย่าไปฆ่าหมาฆ่าแมว สงสารหมาแมว?

อ้วน: ไปเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นก็ผิดหลักอยู่แล้ว

เรื่องศาสตร์เขมรในอดีตกาล เขามีไหม วิชาที่ต้องบูชายันต์

ดร.กังวล: มีครับ จริง ๆ ความเชื่อแบ่งเป็นหลายระดับ ถ้าความเชื่อระดับชาวบ้าน พื้นบ้าน เป็นความเชื่อเรื่องผี บรรพบุรุษ บางแห่งก็มีการเชือดไก่เป็น ๆ เพื่อบูชา จะบูชาพวกนี้ ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับผี แต่ถ้าเทพก็อีกระดับนึงแน่นอน

แต่ถามว่าในเขมรโบราณมีไหม มีนะครับ รูปปราสาทบายนต์ ที่มีการฆ่าควาย อีกรูปจะเห็นมีการก่อกองไฟ และเชือดนิ้วตัวเองเพื่อบูชา ปัจจุบัน ก็ยังหาข้อมูลไม่ได้ว่าพฤติกรรมนี้มีอยู่จริงไหม  เพราะว่าเท่าที่สำรวจดูจากคัมภีร์พราหมณ์ฮินดูทั้งหลาย พบว่าไม่มีการพูดถึงเรื่องเหล่านี้

ฤาษีเชือดนิ้วตัวเองทำไม

ดร.กังวล: นั่นแหละครับ กำลังสงสัยอยู่

แขก:  ผมตอบได้

ffff

อ.กังวลยังหาคำตอบไม่ได้ อ.รุ่งโรจน์ทราบไหม

ดร.รุ่งโรจน์: ถ้าให้ผมเดา มันมีจารึกท่อนนึง พิธีเชือดได ที่แปลว่ามือ ทำการสาบานต่อพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 อันนี้อาจเป็นอันนั้นหรือเปล่าก็ไม่ทราบนะ เพราะเราต้องเข้าใจอย่างนึงว่า ความเชื่อในเขมรโบราณ มีทั้งความเชื่อในระดับยูนิเวอร์แซล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื่อแบบนี้ เช่น อ.กังวลยกพิธีฆ่าควาย มันก็มีพิธีฆ่าควายกันอยู่ทางขมุก็มีการทำกันอยู่

แต่ถามว่าการบูชาที่ติดจากขนบอินเดียมีไหม มี อย่างในจารึกสด๊กก๊อกธม ที่พูดเรื่องการบูชาดอกไม้ 8 สี วิธีบูชาในเขมรก็ผสมปนกันไป

ดร.กังวล: ส่วนฆ่าควายคงเป็นพิธีกรรม จากที่ดูการสลักที่ปราสาทบายนต์ น่าจะเป็นเรื่องการยกขบวนทัพ เสร็จแล้วอาจมีการฆ่าควายเพื่อบริโภคในกองทัพก็ได้ แต่ถ้าดูในรูป ตรงควายที่ถูกล่ามไว้ ข้างๆ จะมีช้าง และมีฤาษีนั่งอยู่บนช้างอ่านพิธีการอยู่ บางคนบอกว่าเป็นพิธีกรรม มันอาจเป็นพิธีตัดไม้ข่มนาม เพื่อยกทัพออกไปต่อสู่กับข้าศึกก็ได้

ตอนนี้คนที่ส่งข้อความเข้าใจ เขามีเดตไลน์นะ สามโมงเย็นวันนี้ ให้เวลาครูกายแก้วพิสูจน์ตัวเอง ในเวลา 15.40 น.

อ้วน: มีคนถูกอยู่แล้ว ไป 3-4 พันคนจะไม่ถูกสักคนเลยเหรอ

บางคนตีเลขครูกายแก้ว ตีเป็น 42 24 เขามีเดตไลน์เลย

อ้วน: ถ้าออก 42 พี่เป็นอาจารย์หนุ่มเลยนะ (หัวเราะ)

ที่ตัดนิ้ว คิดว่าเป็นเรื่องอะไร

แขก: ภาพความเชื่อในหลักไสยศาสตร์ พิธีกรรมเมื่อกี้มีพูดถึง อยู่ในคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์ ว่าด้วยเรื่องการทำบริสุทธิ์ตัวเอง ถือพรตเป็นฤาษี เพื่อให้สะอาด เพราะเชื่อว่า ฤาษีมาจากวรรณะพราหมณ์ การหลุดจากวรรณะพราหมณ์ได้ ในคัมภีร์พระเวท พูดไว้ชัดเจนว่า ต้องสละเลือดตัวเองในชีวิตนี้ออก เลยเหมือนกรีดเลือดตัวเอง และบูชายันต์ บูชาพระเพลิง แล้วเกิดใหม่ในพรตของฤาษี นี่คือความเชื่อที่อยู่ในบทพระเวทของพราหมณ์ บทมฤคเวทของพราหณ์ ที่จะเป็นฤาษี

ดร.รุ่งโรจน์: มฤคเวทบทที่ 1 ว่าด้วยเรื่องการสรรเสริญพระเพลิง ในฐานะพระเพลิงที่เป็นผู้ส่งสารให้แก่องค์พระเทวะ แต่เท่าที่จำได้ บทนี้ในพระสัยยะ ไม่มีพูดนะ ผมใช้ฉบับของบาโลด้า ฉะนั้นก็ไม่ทราบว่า เป็นขนบท้องถิ่นหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ความเชื่อเป็นความเชื่อ เป็นสิทธิส่วนบุคคล

อั๋น: รูปนี้อาจปกมะม่วงก็ได้ เพราะเราเกิดไม่ทัน

ครูกายแก้ว

แขก: ตามที่ผมศึกษา สายผมคือ เป็นพราหมณ์ที่สร้างพระธาตุนครเลย แล้วภาพเมื่อกี้ผมก็เพิ่งเห็น ด้วยความสัตย์จริงจากชีวิตผม ผมก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พอเห็นเมื่อกี้กับการทำของเขา มีอยู่ในตำราที่ผมเรียนอยู่ในพระเวทของพราหมณ์ ในการสละตัวเองจากวรรณะพราหมณ์ไปสู่วรรณะฤาษี พราหมณ์มีหลายวรรณะมาก

ในความเชื่อก็มีหลายยุคหลายสมัย เหมือนอาจารย์ศึกษาเชิงประวัติศาสตร์ ผมก็เถียงอาจารย์ได้อย่างชัดเจนว่า ปราสาทหนึ่งปราสาท ไม่ได้สลักจารึกของทั้งชีวิต แม้กระทั่งชื่อของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่มีปัญหากัน ผมถามว่ามีทั้งหมดกี่ชื่อ เพราะมีหลากหลายชื่อมาก ไม่ได้มีแค่ชื่อเดียว

ฉะนั้นเราไม่สามารถเอาเรื่องหนึ่งเรื่องในความเข้าใจของเรามาขยายทุกเรื่องได้ เพราะเรื่องทุกเรื่องมีเฉพาะ เหมือนครูกายแก้วก็มีเฉพาะ การที่เอาครูกายแก้วไปโยงกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องจริงของครูกายแก้ว

เรื่องการโยงกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีแค่คนกลุ่มเดียวที่มีความเชื่อแบบนั้น ถ้าถามผมตั้งแต่ต้นรายการ ผมก็บอกแล้วว่า ไม่ใช่ แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นในนามผม ผมแนะนำคนดูรายการได้ว่า ถ้าคุณเชื่อครูกายแก้วสายอ.สุชาติ ท่านไม่เคยถวายของคาว ท่านถวายแต่ผลไม้เท่านั้น และเป็นกฎข้อห้ามเด็ดขาด ห้ามถวายของคาว

ถ้าเอาตรงนี้เป็นเกราะเป็นแนวหลักในการบูชา ช่วยเรื่องหมาแมวได้เลย 100% หนึ่งความเชื่อไม่สามารถเอาทุกเรื่องมายัดรวมกันได้

คิดว่าทำไมคนถึงโจมตีครูกายแก้วกันเยอะ

แขก: ที่ผมเฝ้าดูมาตลอดเรื่องครูกายแก้ว มาจากคนเรียนไม่ได้พูด คนพูดไม่ได้เรียน คนที่คอมเมนต์ก็ไม่ได้มีความเข้าใจ ปัจจุบันด้วยเศรษฐกิจ แม้แต่คุณหนุ่มยังมูเลย ทุกคนหาทางออก

ผมไม่ได้มูนะ ผมแค่ห้อย ถ้ามูต้องมดดำ

แขก : ถ้าสิ่งที่ทำไม่ผิดศีลธรรม ไม่เดือดร้อนคน คุณทำเลย ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดจริยธรรม ไม่เดือดร้อนคนอื่น คุณทำเลย เหมือนเอาเงินไปถวายโลงศพ สุดท้ายโลงศพก็ได้คำลำบาก หรือการให้เงิน อ้วนก็ไม่เดือดร้อน ให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo