Politics

‘สุชาติ’ เปิดใจแถลง ปมลาออกพลังประชารัฐ แสดงจุดยืนชัดเจน ‘ลุงป้อม’ เข้าใจ

“สุชาติ” เปิดอกหลังลาออกพรรคพลังประชารัฐ “บิ๊กป้อม” ลูบหัว บอกเข้าใจ ประกาศจุดยืนชัดเจนอยู่กับ “บิ๊กตู่” ยึดประโยชน์ประเทศชาติ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงการลาออกจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 พฤศจิกายน ได้เข้าไปกราบลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  หัวหน้าพรรคจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค

สุชาติ

ผมมีความชัดเจนในหลาย ๆ เรื่อง อีกทั้งผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐที่มีความสามารถและมีความสำคัญก็มีอีกหลายคนที่พร้อมทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค จึงคิดว่า ต้องถอยออกมาเพื่อไม่ไปขวางให้พรรคพลังประชารัฐเติบโตและเดินหน้าไปได้

ดังนั้น จึงแสดงจุดยืนด้วยการเข้าไปกราบลาหัวหน้าพรรค และลาออกจากกรรมการบริหารพรรค ซึ่งมีผลแล้ว ตนได้แสดงความชัดเจน และไม่ต้องการให้ใครพูดบิดเบือนไปต่าง ๆ นานา จึงต้องมาพูดด้วยปากของตัวเอง

นายสุชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร เข้าใจ และตัวนายสุชาติเอง ก็ให้ความเคารพรักท่านอย่างที่สุดอยู่แล้ว แต่เรื่องทางการเมือง ต้องมีความชัดเจนและมีจุดยืน จึงได้แสดงจุดยืนแล้วว่า ในทางการเมืองในอนาคต จะต้องออกมาทำภารกิจที่คิดเอาไว้ในใจมากกว่า

ท่านรับทราบ และเข้าใจผม ก็ลูบหัวผม และเข้าใจสิ่งที่ผมปฏิบัติ ซึ่งผมก็มีความชัดเจนและผมก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมา พูดจริง อยากเห็นความชัดเจนมากกว่า ไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นตัวขวางหรือตัวถ่วงของใคร

สุชาติ2

ในส่วนของเพื่อน ส.ส.นั้น ต้องเรียนว่า ยังไม่ได้จะไปพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ในทางการเมือง แค่มองอนาคตทางการเมืองกัน เพื่อนทุกคนจะต้องมีความคิดของตัวเอง หากใครคิดว่าในพื้นที่อยู่ตรงไหนแล้วสามารถทำงานให้ประเทศชาติบ้านเมืองได้ หรือเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎรได้ในสมัยหน้า เราไม่สามารถที่จะไปการันตีเส้นทางชีวิตของเพื่อนได้ ดังนั้นอยู่ที่การตัดสินใจทางการเมืองของแต่ละบุคคล

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ต้องรอความชัดเจนจากสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพราะบางอย่างยังพูดตอนนี้ไม่ได้ เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย จึงพูดไม่ได้จริง ๆ แต่ตนก็ต้องแสดงความรับผิดชอบและจุดยืน เพราะที่ดูจากผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐเอง ก็ไม่ได้สบายใจ และมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่พร้อมจะทำหน้าที่นี้อีกมาก ในเมื่อเราเองไม่พร้อมเราก็ต้องถอย

จะบอกว่าใจไม่ได้อยู่กับพลังประชารัฐก็ไม่ใช่ เพราะยังรักลุงป้อม แต่ภารกิจที่จะไปทำนั้นมีความสำคัญ ที่จะต้องไปทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองบางอย่าง เท่านั้นเอง จึงต้องคิดว่า ไปตรงไหนแล้วทำประโยชน์ให้ได้มากที่สุดก็ต้องไปตรงนั้น

68147
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่า พรรคพลังประชารัฐมีจุดอ่อนคืออะไร นายสุชาติ กล่าวว่า ต้องยอมรับก่อนว่าทุกพรรคการเมือง มีทั้งคนเข้าคนออกเป็นเรื่องปกติ อยู่ที่บริบทและสถานการณ์ในวันนี้ หรือวันข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น อยู่ตรงไหนแล้วทุกคนคิดว่าทำงานและสามารถไปสู่เป้าหมายในความคิดของตัวเองได้ ก็อยู่ตรงนั้น มันไม่มีจุดอ่อน

 

ทั้งนี้ ตนมองว่า ทุกพรรคมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน ไม่มีพรรคไหนที่แข็งไปพรรคเดียว หรืออ่อนไปทั้งหมด ถ้าอ่อนไปทั้งหมดก็ไม่มีใครเหลือสิ อยู่ที่ว่าบริบทของตัวเราเหมาะสมกับสถานการณ์ไหนมากกว่า

ส่วนกรณีการแยกทางของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร นั้น ขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้น ต้องรอให้มีภาพความชัดเจนก่อน แล้วก็จะเห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ เพราะทั้งสองท่านยังมีความรักต่อกัน เหมือนตนที่ยังรักลุงป้อมอยู่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ในเรื่องของทางการเมืองมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกในสิ่งคิดว่าเราได้ประโยชน์ และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้

จุดยืนของผม ผมจะต้องไปช่วยนายกรัฐมนตรี ตัวตนผมอยู่ที่นายกฯ ผมอยู่กับนายกฯเป็นหลัก

33 2

นายสุชาติยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และตัดสินใจที่ยากมาก โดยเปรียบเทียบว่าหากเรามีคนรักคือพ่อและแม่ ที่ปกติอยู่ด้วยกัน แต่มีความจำเป็นที่จะต้องแยกกันอยู่ คนละจังหวัด คนละประเทศ แล้วจะเลือกอย่างไร  เขายังมีความรักกันอยู่ แต่มีภารกิจบางอย่าง เป็นข้าราชการที่จำเป็น จะต้องย้ายไปอยู่ที่นั่นที่นี่ เราเป็นลูกเราก็ต้องคิดว่าเราจะทำอย่างไร

ใครจะพูดอะไรก็พูดไป แต่ผมจะต้องไปกราบและไปพูด ไปเล่าความรู้สึก ให้หัวหน้าพรรคทราบเท่านั้นพอ ขอให้ลุงป้อมเข้าใจผมพอ คนเดียว ส่วนคนอื่นผมไม่คิดอะไรมาก ซึ่งลุงป้อมเข้าใจผม เมตตาผม ผมเป็นลูกผู้ชายที่ยอมรับความจริง จึงได้ไปกราบลา

ส่วนกรณีการลาออกครั้งนี้ เกี่ยวกับการกระแสข่าวที่ว่าร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย จะกลับเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น นายสุชาติ ตอบว่า ไม่เกี่ยวกัน การตัดสินใจของตนเป็นเรื่องของตนเอง ไม่เกี่ยวกับใคร ทุกคนที่อาสามาทำการเมืองเป็นคนที่เสียสละ ทุกพรรคการเมืองเป็นผู้เสียสละ

นอกจากนี้ ตนไม่ได้มองว่าหากไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว จะทำให้สอบผ่านหรือไม่ผ่าน เป็นรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน นั่นเป็นเรื่องอนาคต ตนไม่ได้สนใจ แต่สนใจเพียงว่า สิ่งที่ตัวเองทำจะต้องได้ประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองมากที่สุด ไม่ได้ยึดติด การเมืองอย่ามองที่ตัวเรา ต้องมองประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo