Politics

ข่าวดี! การระบาด ‘โควิด’ ระลอกใหม่ ของ ‘โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย’ อาจไม่รุนแรง

การระบาด ‘โควิด’ ระลอกใหม่ ของ ‘โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย’ อาจไม่รุนแรง เท่าโอไมครอนดั้งเดิม ที่ระบาดเมื่อต้นปี

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐ คาดว่าการระบาดของโอไมครอนระลอกใหม่ จะไม่รุนแรงซ้ำรอยเดิม ข้อความดังนี้

ข่าวดี! โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยระลอกใหม่ที่ระบาดไปทั่วโลกขณะนี้ อาจไม่รุนแรงเหมือนโอมิครอนดั้งเดิมที่ระบาดเมื่อต้นปี

โควิด

เมื่อต้นปี 2565 มีการระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (BA.1, BA.2) ส่งผลให้ผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก รองมาจากการจำนวนผู้เสียชีวิตจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตา จากนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตก็ลดลงเข้าสู่ยุคโอมิครอน BA.4, และ BA.5 แต่ตั้งแต่ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา

เราเห็นปรากฏการณ์ใหม่ของการระบาดของ “โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยหลากหลายสายพันธุ์ (Omicron variant ‘soup’ or ‘swarm)” ระบาดขึ้นมาพร้อมกัน โดยโปรตีนหนามบางส่วนคล้ายหรือเหมือนกัน เช่นสายพันธุ์ย่อย BA.2.75, XBB, XBB.1, BQ.1, BQ.1.1 ทำให้เกิดความกังวลไปทั่วโลกว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวปลายปี 2565 ไปจนถึงต้นปีหน้า 2566 อาจเกิดการระบาดใหญ่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากซ้ำรอยอดีตอีกหรือไม่ (ภาพ2)

โควิด

คาดว่าไม่พบการระบาดรุนแรง 

ดร. แอนโธนี เฟาซี (Anthony  Fauci)  ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) และหัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวในการบรรยายสรุปของทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารว่า

คาดว่าจะไม่พบการระบาดรุนแรงของโควิด-19 ซ้ำรอยเหมือนปีที่แล้ว เนื่องจากข้อมูลการระบาดในประเทศสิงคโปร์ (XBB) อินเดีย (XBB)  และอังกฤษ (BQ.1)  แม้จะมีการระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยเหล่านี้ในประเทศ แต่ยังไม่ปรากฏจำนวนผู้เจ็บป่วยอาการหนัก ต้องเข้ารักษาตัวใน รพ. และเสียชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับการระบาดของโอมิครอนเมื่อต้นปี 2565 ที่ผ่านมา

เหตุผลสำคัญคือมีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น มีการใช้ยาต้านไวรัส มีการใช้ยาฉีดเสริมภูมิคุ้มกันให้กลุ่มเปราะบางอย่างครบวงจร (ภาพ1)

โควิด

ประเทศไทย ยาที่ใช้อยู่ ยังป้องกันสายพันธุ์ที่กำลังระบาดได้

สำหรับโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยในประเทศไทย “BA.2.75” ที่อาจมาแทนที่สายพันธุ์หลักคือ BA.5 ที่ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง  จากผลทดสอบทางห้องปฏิบัติพบว่า ทั้งวัคซีนเชื้อตาย (ภาพ3) และวัคซีน mRNA (ภาพ4) ยังใช้ได้ผลดี โดยเฉพาะในกลุ่มที่ติดเชื้อตามธรรมชาติหลังการฉีดวัคซีน

ประกอบกับ ประเทศไทยมีการจัดเตรียมแอนติบอดีสำเร็จรูป แบบ Long Acting Antibodies (LAAB) ที่มีชื่อว่า “อีวูชีลด์” (Evusheld) (ภาพ5)  เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มประชาชนเปราะบาง โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ไม่ดี

เช่น ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจากการติดเชื้อไวรัส ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ปลูกถ่ายอวัยวะ ปลูกถ่ายไขกระดูก หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้โดยยา “อีวูชีลด์” สามารถใช้ป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ BA.5*, BA.2.75* และสายพันธุ์ลูกผสม XBC (ยังไม่พบในประเทศไทย) ได้ดี

โควิด

ส่วนโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BQ.1,BQ.1.1, XBB, และ XBB.1 จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า ดื้อต่อแอนติบอดีสำเร็จรูป “อีวูชีลด์” อาจต้องเปลี่ยนไปใช้แอนติบอดีค็อกเทล ที่มีศักยภาพสามารถยับยั้งไวรัสโคโรนา 2019 หรือ SARS-CoV-2 ได้ทุกสายพันธุ์ (Broadly Neutralizing Monoclonal Antibodies)

อาทิ แอนติบอดีค็อกเทล SA55 และ SA58 ซึ่งผลจากห้องปฏิบัติการพบว่าสามารถยับยั้ง ไวรัสโคโรนา 2019 ได้ทุกสายพันธุ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย4

โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย5

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo