‘ติดโควิด’ เพิ่งหาย ควรฉีด ‘เข็มกระตุ้น’ ต่อเลยมั้ย ดร. كيف تلعب روليت อันนต์ เผยผลวิจัย ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่พร้อม บูสเตอร์ ไม่ได้ผล
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ตอบคำถามยอดฮิต ที่ว่า ติดโควิดเพิ่งหาย ควรฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นต่อเลยดีไหม หรือ ควรฉีดเมื่อใด ข้อความดังนี้
ติดโควิดเพิ่งหาย…ควรฉีดวัคซีนกระตุ้นต่อเลยมั้ย?
ผมได้คำถามนี้บ่อยมาก และทราบว่าถ้าตอบไปว่ายังไม่ต้อง boost คนที่ถามหลายคนก็ไป boost อยู่ดี เพราะตั้งใจจะไปฉีดอยู่แล้ว แต่บังเอิญคำตอบที่ได้ไม่ค่อยตรงกับสิ่งที่อยากได้ยิน ผมรองานวิจัยที่จะสนับสนุนแนวคิดนี้มาสักพักครับ และ วันนี้ก็ได้เห็นออกมาจริงๆ ผลวิจัยมาจากทีมวิจัยกลุ่มใหญ่ของ NIH ของสหรัฐอเมริกา
เปรียบเทียบ 3 กลุ่มตัวอย่าง
ทีมวิจัยได้เปรียบเทียบตัวอย่าง 3 กลุ่ม
- กลุ่มแรกเรียกว่า Prior-infected คือ คนที่ติดโควิดก่อนโอมิครอน แล้วไป boost เข็ม 3 หลังติด [คล้ายๆกับกลุ่มที่ถามคำถามข้างต้น]
- กลุ่มที่สอง เรียกว่า Un-infected คือ คนที่ไม่เคยติดโควิดมาก่อนเลย ฉีดวัคซีนปกติมา และ boost เข็ม 3 พร้อมกลุ่มแรก และ ไม่ติดโอมิครอนใดๆในช่วงที่เก็บข้อมูล
- กลุ่มที่สาม เรียกว่า BA-1 post-infected คือ คนที่มา boost เข็ม 3 แล้วติดโอมิครอน BA-1 หลังจากนั้น
ในช่วงที่เก็บข้อมูล โดยทีมวิจัยเก็บข้อมูลที่ 30 วัน และ 60 วัน หลัง boost เข็ม 3 ในแต่ละกลุ่ม ว่าเหมือนหรือแตกต่างอย่างไร
เข็มกระตุ้น ฉีดเมื่อพร้อม
ข้อมูลมีเยอะครับ แต่จุดที่เป็นสาระสำคัญที่สุดอยู่ที่ ระดับแอนติบอดีก่อน boost เข็ม 3 และ ที่ 60 วันหลังจากนั้น ในกลุ่มที่ 1 (กลุ่มสีฟ้า) แตกต่างจากอีก 2 กลุ่มอย่างชัดเจน
ทีมวิจัยระบุว่า คนที่ไปติดโควิดมาแล้วไป boost ต่อ ทั้งๆที่ระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายของตัวเอง ยังไม่พร้อมถูกกระตุ้นด้วยวัคซีน ส่งผลให้วัคซีน ไม่สามารถกระตุ้นแอนติบอดีได้ดีเท่าที่ควร
ตัวอย่างในกลุ่มที่ 1 นี้ ไม่สามารถกระตุ้นแอนติบอดีต่อไวรัสแทบทุกสายพันธุ์ ไม่จำกัดแม้แต่กลุ่มโอไมครอน แสดงให้เห็นว่า ระบบภูมิคุ้มกันต่อการตอบสนองต่อวัคซีน จะไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ครับ
รายละเอียดเชิงลึกที่ทีมวิจัยได้อธิบายไว้ สามารถอ่านต่อได้สำหรับผู้สนใจครับ แต่ ประเด็นหลักๆคือ การกระตุ้นด้วยวัคซีนควรดูปัจจัยความพร้อมของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายด้วยครับ บริบทของแต่ละคนแตกต่างกัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กทม. เตรียมพร้อม ‘โค วิด’ สู่ ‘โรคติดต่อเฝ้าระวัง’ 1 ต.ค.นี้
- ศึกนี้ยังไม่จบ! จับตา ‘BA.4.6’ โอไมครอน สายพันธุ์ใหม่ CDC สหรัฐ คาดจะเข้าแทนที่ ‘BA.5’
- แย่แล้ว! ‘BA.5’ พบปริมาณไวรัส ในคอ-จมูก น้อยกว่าสายพันธุ์อื่น ตรวจ ATK ไม่เจอ
