Politics

ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ‘ฝีดาษลิง’ กักตัวครบ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ยังเฝ้าระวังเข้มข้น

ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ‘ฝีดาษลิง’ กักตัวครบ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ยังเฝ้าระวังเข้มข้น ย้ำ หยุดพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอน หยุดเสี่ยงติดเชื้อ

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากสถานการณ์ในประเทศไทยเวลานี้ พบผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษวานร แล้วจำนวน 5 ราย เป็นชาวต่างชาติ 2 ราย สัญชาติไทย 3 ราย

ฝีดาษลิง

ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง กักตัวครบ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่

โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากผู้ป่วยยืนยันรายแรก และรายที่สองครบ 21 วันแล้วจำนวน 40 คน ไม่พบอาการป่วย และได้ตรวจหาเชื้อซ้ำ ไม่พบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม

ทั้งนี้โรงแรมที่ผู้ป่วยยืนยันไปเข้าพัก หลังจากทำความสะอาดสิ่งแวดล้อม และเมื่อครบ 11 วัน ได้ตรวจเชื้อฝีดาษวานรอีกครั้ง ผลคือยังสามารถพบสารพันธุกรรมของเชื้อฝีดาษวานรได้ ซึ่งเป็นซากเชื้อที่ยังหลงเหลืออยู่ และจากการคัดกรองเชิงรุก ผู้ป่วยสงสัย จำนวน 58 ราย ผลตรวจยืนยันไม่พบเชื้อฝีดาษลิง

โดยจากข้อมูลอาการป่วยของผู้ป่วยสงสัย พบว่าส่วนหนึ่งมีอาการป่วยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อ Herpes Simplex type 1 จำนวน 8 ราย (40%) Herpes Simplex type 2 จำนวน 3 ราย (15%) Herpes ชนิดอื่นๆ เช่น 6,7 จำนวน 3 ราย (15%) ติดเชื้อ Epstein Barr virus (EBV) 2 ราย (10%) ติดเชื้อ Syphilis และ Varicella zoster virus ชนิดละ 1 ราย รวม 2 ราย (10%)

ฝีดาษลิง

นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคฝีดาษวานรไม่ใช่โรคที่มีอาการรุนแรงหรือติดต่อได้ง่าย จากการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วย 2 รายแรก จนครบกำหนดระยะฟักตัว 21 วัน หรือ 3 สัปดาห์  เช่น ผู้สัมผัสร่วมบ้านที่อยู่ด้วยกันเป็นสัปดาห์ ยังไม่มีใครติดเชื้อ เมื่อครบกำหนดตรวจซ้ำยิ่งมั่นใจว่าโรคนี้ไม่ได้ติดกันง่ายๆ หากจะติดต้องสัมผัสใกล้ชิดกันจริงๆ ชนิดเนื้อแนบเนื้อ กลุ่มเสี่ยงจึงได้แก่ผู้ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ  หากใครคิดว่าตัวเองเสี่ยงขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเพื่อเป็นการป้องกัน

สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษวานรในขณะนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 21 ส.ค. 65) พบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษวานรยืนยันทั่วโลก จำนวน 42,362 ราย เสียชีวิต 13 ราย ประเทศที่มีผู้ป่วยสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 14,595 ราย สเปน 6,091 ราย บราซิล 3,756 ราย เยอรมัน 3,266 ราย และ อังกฤษ2,889 ราย

ฝีดาษลิง

ยังเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การเฝ้าระวังผู้ป่วยสงสัยโรคฝีดาษวานร ในประเทศไทยยังคงดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ทั้งในสถานพยาบาล คลินิกนิรนาม คลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คลินิกโรคผิวหนังและโรงพยาบาล ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ รวมทั้งการเฝ้าระวังเชิงรุกในสถานที่เสี่ยง เพื่อค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม และเตรียมความพร้อมของห้องปฏิบัติกา รเพื่อให้การตรวจวินิจฉัยทำได้รวดเร็วขึ้น และโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนมีศักยภาพในการรักษาโรคนี้ได้

ทั้งนี้หากท่านใดเคยร่วมกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ สัมผัสใกล้ชิด หรือสัมผัสแนบชิดกับผู้ที่มีผื่นตุ่มหนอง และเริ่มมีไข้ เจ็บคอ มีผื่นแดงตุ่มน้ำใส หรือตุ่มหนองขึ้น มีอาการป่วยเข้าข่ายโรคฝีดาษวานร สามารถติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อรับการตรวจหาเชื้อและวินิจฉัยโรค สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร. 1422” นายแพทย์โอภาส กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo