Politics

‘บิ๊กตู่’ แจงยิบ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ลั่น ไม่รู้จัก ‘เพกาซัส’ เมินถูกไล่

“บิ๊กตู่” โต้ฝ่ายค้าน ยืนยัน มีความระมัดระวังในการใช้กฎหมายกับม็อบ ลั่นไม่รู้จัก “เพกาซัส” รับไม่ฉลาด ไม่จำเป็นต้องรู้ ไล่เปิดโซเซียลดู รู้แน่ใครทำ

วันนี้ (22 ก.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน เป็นวันที่ 4 ซึ่งเป็นการจะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

“บิ๊กตู่” ชี้แจงละเอียด อภิปรายไม่ไว้วางใจ

พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงภายหลังสมาชิกอภิปรายว่า เรื่องการชุมนุม ได้ให้นโยบายมาตลอดว่า ให้ความระมัดระวังที่สุดในการบังคับใช้กฎหมาย อะไรแจ้งเตือนได้ก็ให้เตือน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนต่าง ๆ ที่อาจได้รับคำชี้แจงที่ทำให้เข้าใจผิดเพี้ยน ก็ได้ไปพูดคุยถึงผู้ปกครอง เพื่อไม่ต้องการให้อยู่ท่ามกลางอันตราย และถูกดำเนินคดี ส่วนการดำเนินคดี เป็นเรื่องของศาลกระบวนการยุติธรรม  ไม่เคยใช้อำนาจก้าวล่วงอำนาจศาล

ส่วนเรื่องสิทธิมนุษยชน พยายามให้อย่างเต็มที่ และคิดว่าให้เกิน 100% ตอนนี้มีกฎหมายหลายฉบับ พยายามผ่อนหนักผ่อนเบา แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมการเคลื่อนไหวพวกนี้ถึงเกิดขึ้นในช่วงนี้ และมีพรรคการเมืองบางพรรคเข้ามาอยู่ตรงนี้ เป็นเรื่องอันตรายที่สุด

“ผมคิดว่าคนไทยทั้งประเทศก็คงมองออก ไม่ว่าการจะไปพูดจาในโรงเรียน มหาวิทยาลัย เพื่อทำลายล้างระบบของเราทั้งหมด เพื่อจะเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ผมคิดว่าคนไทยคงไม่ยอม เพราะฉะนั้น จะมาโทษเจ้าหน้าที่ว่า เป็นผู้ที่ทำโน่นทำนี่ไม่ได้ เพราะท่านเป็นคนเริ่มทำเอง กฎหมายทุกฉบับผมไม่ได้กำหนดขึ้นมาใหม่”

นายกฯ ชี้แจงถึงการป้องกันประเทศ ในเรื่องของการดูแลชายแดน เรื่องน่านฟ้าต่าง ๆ พูดไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็พยายามที่จะฟื้นขึ้นมาอีกให้ได้ ก็ยอมรับว่าจะทำให้ดีที่สุด แต่ถ้าจะให้ถูกใจทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ ไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่ทำงานด้วยระบบ ทำงานด้วยความร่วมมือ การสานสัมพันธ์กับต่างประเทศ ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรก็ตาม เขาก็เป็นเพื่อนบ้าน

“ขอให้ระวังการพูดจาต่างๆ ด้วย ภาพที่ปรากฏก็จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ต้องเข้าใจว่าเรามีชายแดนติดกัน ไม่มีอะไรชัดเจน นอกจากแนวที่ยึดไว้ตามธรรมชาติ เวลามีการปะทะ เราก็เตือนไปหลายครั้ง ก็ได้รับการปฏิบัติ หากยังฝ่าฝืนก็ใช้อาวุธจริงออกไป แต่ต้องดำเนินการระมัดระวังที่สุด”

ส่วนเรื่องกรณีที่มีสมาชิกนำภาพมาเปรียบเทียบว่า เวลาไปต่างประเทศแล้วไม่ได้รับการต้อนรับนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภาพที่เห็น เป็นภาพที่นำมาประกอบกันทั้งสิ้น ตนว่าไม่ใช่แบบนั้น ไม่ต้องมาเถียงตน ไปขอข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศได้ ตนไม่อยากเอาภาพมาโฆษณาตัวเอง

“ถ้าท่านไม่เคยเป็น ไม่เคยไป ไม่เคยอยู่ ท่านอย่ามาว่าผม เอาไว้ให้ท่านได้เป็นก่อน แล้วท่านค่อยทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน” 

สำหรับเรื่องสปายแวร์ หรือระบบเพกาซัสนั้น ยืนยันไม่รู้จัก และไม่จำเป็นต้องมาตามเรื่องแบบนี้ เปิดดูในโซเชียลก็เห็นอยู่แล้วว่า ใครเป็นคนทำ มาจากไหน ใครใช้งบประมาณเท่าไร มีคณะทำงานอยู่ที่ไหนบ้าง ถ้าเราเรียนรู้กับโซเชียลกันแบบนี้ ประเทศชาติก็เป็นแบบนี้ จริงบ้างเท็จบ้าง

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

“ผมไม่ให้ค่าคนเหล่านี้ คนที่อยู่เบื้องหลัง แต่คนที่ไม่รู้เรื่อง ผมเห็นใจ คนที่แพร่ต่ออาจไม่เข้าใจ แต่คนต้นเรื่องเป็นเรื่องของกฎหมาย ก็ว่ากันไป”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกอย่างไม่แก้ตัว และมีเรื่องสำคัญหลายเรื่องที่ต้องพูดให้เกิดประโยชน์ในสภาแห่งนี้ และในประเทศชาติในเวลานี้ มากกว่าเรื่องที่ตีกันไปตีกันมา ขอให้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์กันดีกว่ามาโต้เถียงโต้แย้งกันแบบนี้ วันนี้ไม่ใช่เวลาที่เรามาทะเลาะกัน

ตนไม่ต้องการทะเลาะกับใคร แม้จะไล่ตนยังไง ก็ขึ้นอยู่กับมติ ขึ้นอยู่กับประชาชนและรัฐธรรมนูญ ตนไม่ใช่คนเขียนรัฐธรรมนูญ ตนสั่งใครไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นการที่เอาคนนั้นมาอ้างคนนี้มาพูดเอาหนังสือพิมพ์มาอ่าน ตนรับไม่ได้ เพราะเป็นข้อมูลที่ต้องตรวจสอบ

ในเรื่องของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)  พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนก็ไม่ได้ไปทำลายระบบ วันนี้ก็เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับคนที่ออกนอกระบบการศึกษา ให้กระทรวงศึกษาธิการไปนำกลับเข้ามา ซึ่งวันนี้ก็อยู่ในกระบวนการตรงนี้

ในส่วนของหนี้ กยศ.นั้น ทำไมต้องสอนให้คนไม่รับผิดชอบ ที่ตนทำคือ ทำให้คนต้องรับผิดชอบ เมื่อกู้เงินต้องรับผิดชอบ แต่ทำอย่างไรให้ไม่เป็นภาระในเรื่องของการส่งดอกเบี้ยต่าง ๆ แต่บอกให้นำเงินทั้งก้อนแจกไปให้หมดเลยแล้วจะเอาเงินจากที่ไหน มีหลายคนที่ตนไม่อยากเอ่ยชื่อ ได้เงินเดือนหลักแสนแต่ยังไม่จ่ายหนี้กยศ. เพราะฉะนั้น สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญคือคนที่มีรายได้น้อย คนที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบการศึกษา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้สิ่งที่ต้องทำคือ ร่วมมือกันให้อยู่รอดไปด้วยกัน ตนทำให้มันอยู่รอด และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองในกรอบที่สามารถกระทำได้ที่เป็นไปตามกติกา คนเราต้องทำตามกติกา สิทธิมนุษยชนนั้น ตนก็มีของตนเอง ท่านก็มีของท่าน ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด ตนอาจจะต้องรับผิดชอบมากหน่อย เพราะมีหน้าที่การงานมากหน่อย แต่ตนจะไปอ้างสิทธิมากกว่าคนอื่นไม่ได้อยู่แล้ว เพราะตนมีสิทธิเท่าท่านทุกคน แต่อย่าละเมิดซึ่งกันและกัน

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

“หลายครั้งที่ผมเตือนไปแล้วว่า อย่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผม ตัวผม ครอบครัวผม และผมไม่อยากจะกล่าวย้อนไป คนที่ทำให้เกิดความเสียหายต่าง ๆ และถ้าพูดถึงเงินไม่พอ เงินไม่มี เป็นหนี้เป็นสิน ทำไมไม่เติมเงินตรงนี้ เก็บเงินจากคนที่ไปใช้ประโยชน์ ที่ใช้หนี้ให้อยู่นี่ ที่เป็นหนี้อยู่กี่แสน และที่ยังไม่ได้นับอีกหลายคดี เอามารวมสิครับผมจะให้ กยศ.เต็มเม็ดไปเลย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกฯ ชี้แจงเสร็จ เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อฝ่ายค้านต่างลุกขึ้นประท้วงนายกฯ เพราะตอบไม่ตรงคำถาม และมีการกล่าวพาดพิง อาทิ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo