สธ.แจง จัดซื้อ ‘วัคซีนโควิด’ ตามตัวเลขความต้องการ เหลือดีกว่าขาด ปัจจุบัน ตัวเลขเหลือ ใกล้เคียง คนยังไม่ฉีดเข็มกระตุ้น
วันนี้ (23 มิ.ย. 65) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตเรื่อง “วัคซีนเต็มแขน” แต่เป็นวัคซีน โควิด 19 เต็มทุกสถานีอนามัย และกำลังจะหมดอายุ เพราะสั่งเข้าแบบไม่มีแผนและใช้งานไม่ทัน ว่า
เป็นความมั่นคงทางด้านสุขภาพของประเทศ เหลือดีกว่าขาด
วัคซีน เป็นเรื่องของความมั่นคงทางด้านสุขภาพของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทุกประเทศที่จะมีวัคซีนเหลือ ไม่ใช่วัคซีนขาด ส่วนเรื่องของการสั่งจองและซื้อวัคซีน โควิด 19 เข้ามา เพื่อปกป้องประชากรทั่วประเทศและเรื่องหมดอายุนั้น ขอชี้แจงทำความเข้าใจ ว่า วัคซีน โควิด 19 แต่ละชนิดจะต้องมีการสั่งจองล่วงหน้าเป็นปีหรือหลายเดือน เนื่องจากกระบวนการผลิตวัคซีนมีความซับซ้อน และใช้เวลานาน
เมื่อผลิตออกมาแล้วจะขอขึ้นทะเบียน อย.เพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งกำหนดวันหมดอายุ 6 เดือนนับจากวันที่ผลิต หากภายหลังตรวจสอบคุณภาพและประเมินผลแล้ว สามารถที่จะนำมาฉีดได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิผล อย.ก็จะอนุมัติให้ขยายอายุวัคซีนเพื่อให้บริการประชาชนได้มากที่สุด
เป็นเรื่องพื้นฐานความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศ การจองวัคซีน ต้องให้มีจำนวนเพียงพอต่อการป้องกันโรค และรับมือการระบาด ซึ่งในต่างประเทศก็มีการจองวัคซีนไว้ ตามความต้องการสูงสุดสำหรับประชาชนทุกคน ซึ่งต้องมีเข็มกระตุ้นด้วย และมีวัคซีนหมดอายุ เช่น ญี่ปุ่น มีข่าวบริจาคและทำลายวัคซีนโควิด มากกว่า 100 ล้านโดส ในหลายเดือนที่ผ่านมา
ตัวเลขวัคซีนเหลือ ใกล้เคียงกับผู้ที่ยังไม่ฉีดเข็มกระตุ้น
นพ.รุ่งเรือง กล่าวว่า ส่วนการบริหารจัดการวัคซีน และการคาดประมาณการฉีดวัคซีน มีการดำเนินการล่วงหน้า จัดหาและจัดส่งวัคซีนไปให้อย่างเพียงพอ โดยวัคซีนเข็มกระตุ้นจากฐานข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขคาดว่า ยังมีผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการฉีดเข็มกระตุ้นอีกประมาณ 24 ล้านคน ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณวัคซีนที่ได้จัดส่งไปให้กับพื้นที่ และหน่วยบริการดำเนินการ
แต่ช่วงนี้ที่มีการฉีดวัคซีนได้น้อย เนื่องจากสถานการณ์การระบาดดีขึ้นอย่างมาก และประชาชนยังไม่มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น การจัดหาวัคซีนไว้เหลือ เป็นแนวทางการบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล และหลักความมั่นคงทางด้านสุขภาพ และตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข
ขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนเหลืออยู่ที่คลังส่วนกลาง 29 ล้านโดส และคลังส่วนภูมิภาค 13 ล้านโดส การดำเนินการตามนโยบาย คือ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้มากที่สุด จึงเป็นที่มาของการเร่งรัดประชาสัมพันธ์และรณรงค์ ให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้ารับเข็มกระตุ้นโดย ๆ จัดส่งวัคซีนไปไว้ที่ รพ.สต. เพื่อให้บริการประชาชนได้รับความสะดวกมากที่สุด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ปลัดสธ. ห่วง กลุ่มเสี่ยง ฉีด ‘เข็มกระตุ้น’ แค่ครึ่ง
- WHO เตือน!! อย่าเล่นกับไฟ อย่าไว้ใจ BA.4 BA.5
- นายกฯ สั่งสกัด BA.4 BA.5 แฝงนักท่องเที่ยว หลังยกเลิก Thailand Pass