พล.อ.อภิรัตช์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะ รองผู้อำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม มาตราการควบคุมส่งสิ่งผิดกฎหมาย ผ่านไปรษณีย์และระบบขนส่ง โดยได้เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิตอลฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บริษัทไปรษณีย์ไทย และบริษัทขนส่งร่วมประชุมหารือ
โดยระบุว่า วันนี้ได้เชิญผู้ประกอบการ จัดส่งพัสดุไปรษณีย์ ทั้งไปรษณีย์ไทย และบริษัทที่มีชื่อเสียงหลายบริษัท ที่ดำเนินการส่งพัสดุ มาประชุมหารือกันในเรื่องว่า เราจะทำอย่างไรเพื่อลดปัญหาการใช้บริการบริษัทขนส่ง ในการส่งยาเสพติด อาวุธสงคราม หรือสิ่งผิดกฎหมายผ่านทางพัสดุไปรษณีย์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ที่ให้บริการเป็นอย่างดี
เนื่องจากในปัจจุบัน มีการค้าขายผ่านทางออนไลน์จำนวนมาก ทำให้มีผู้ใช้บริการเป็นล้านชิ้นต่อวัน ทางบริษัทจึงควรมีมาตราการในการดูแล และไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการขนส่งดังกล่าว
ผบ.ทบ. กล่าวด้วยว่า ต่อไปนี้ทางผู้ให้บริการจะต้องมีการเข้มงวดต่อผู้ที่มาส่งพัสดุสิ่งของ กับทางบริษัทของท่าน อาทิ การใช้บัตรประชาชนให้ตรงกับผู้ที่มาส่ง การจดรายละเอียด หรือจะต้องติดกล้องวงจรปิด ให้เห็นหน้าผู้ที่มาส่งของอย่างชัดเจน และขอความร่วมมือ กับทางผู้ที่จะมาส่งพัสดุให้ถอดแว่น ถอดหมวก
“เรื่องยาเสพติด และอาวุธสงคราม ผมจะไม่หยุดเพียง 3 เดือน แต่จะทำแบบเข้มข้นไปตลอด เพราะถือว่าเป็นตัวทำลายชาติ และเยาวชนคนไทยอย่างยิ่งซึ่งมาตรการเร่งด่วนใน 3 เดือน นั้นเป็นเพียงสถิติตัวเลข ที่ชี้ให้เห็นว่าปริมาณที่สิ่งผิดกฏหมาย เข้ามาในประเทศไทยมากมายมหาศาล ” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
พล.อ.อภิตช์ กล่าวด้วยว่า เรื่องการปราบปรามยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมาย เป็นนโยบายของทางรัฐบาล ซึ่งทางพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำกำลังทุกภาคส่วน ให้ดำเนินการทันทีเป็นงานเร่งด่วนใน 3 เดือน ตั้งแต่ชายแดน ทั้งจุดตรวจจุดสกัด จนมาพบว่าการขนส่งยาเสพติดผ่านระบบ โลจิสติกส์ จนเป็นที่หน้าตกใจ จึงเป็นที่มาของการเชิญผู้ประกอบการมาประชุมในวันนี้
จะมีการพิจารณาแก้ไขปัญหาพ.ร.บ. และแก้กฎหมายในอนาคตอันใกล้ กอ.รมน.ถือเป็นหน่วยงานหลักที่จะดำเนินการ