Politics

เช็คชื่อ 11 รมต.! ฝ่ายค้านเดินหน้ายุทธการ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ

“ฝ่ายค้าน” เดินหน้ายุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซักฟอก “11รมต.” คาดได้ฤกษ์ซักฟอก กลางกรกฎาคมนี้ ขอจัดเต็ม 5 วันขึ้น

วันนี้ (15 มิ.ย.) พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านใน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย และบรรดาส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำรายชื่อ 182 รายชื่อ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นขออภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 รัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 11 คน ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายชวน กล่าวว่า จะใช้เวลาในการตรวจสอบความถูกต้อง 7 วัน จากนั้นก็จะเตรียมบรรจุระเบียบวาระ สำหรับวันเวลาที่จะให้ ก็จะกำหนดไว้ในช่วง 2-3 อาทิตย์ ของเดือนกรกฎาคม แต่เพราะเดือนหน้า จะมีวันหยุดหลายวัน จึงต้องหารือกับรัฐบาลว่า ช่วงเวลาใดเหมาะสม และทั้ง 2 ฝ่ายต้องพร้อมด้วย

ขณะที่ นพ.ชลน่าน เปิดเผยว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไป แบบลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 11 ราย ภายใต้ชื่อยุทธการเด็ดหัวสอยนั่งร้าน ประกอบด้วย

1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

2. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

3. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

4. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

5. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

6. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

7. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

8. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

9. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

10. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

11. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

ข้อกล่าวหาในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 

  • ผิดพลาดล้มเหลวในการบริการราชการแผ่นดิน
  • จงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และมาตรฐานทางจริยธรรม
  • ปล่อยปละละเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริต หรือเอื้อประโยชน์
  • นายกรัฐมนตรีไม่ปฏิบัติตามคำแถลงนโยบายรัฐบาล
  • นายกรัฐมนตรีมีพฤติการณ์ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำลายผู้เห็นต่าง
  • นายกรัฐมนตรีปล่อยปละละเลยให้มีการทำลายระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

นพ.ชลน่าน บอกด้วยว่า โดยตัวของพล.อ.ประยุทธ์เอง ก็มีลักษณะความเป็นผู้นำ ที่ทางฝ่ายค้านใช้ถ้อยคำในญัตติว่า “พิการทางสมอง” ถือว่าเป็นถ้อยคำที่รุนแรงพอสมควร ที่จะกล่าวหานายกรัฐมนตรี ในเรื่องของบุคลิก ลักษณะ ความรู้ และความสามารถ

ส่วนข้อกล่าวหารัฐมนตรีรายอื่นส่วนใหญ่ มีพฤติการณ์พฤติกรรม ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต เอื้อพวกพ้อง บริการราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่อง สนับสนุนให้มีการทำลายกระบวนการระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา จงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย

สนับสนุนให้มีการแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเอง และพวกพ้อง ขาดธรรมาภิบาล ไร้ความรู้ความสามารถในงานที่กำกับดูแล ปล่อยปละให้เกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทำให้ประเทศเสียหาย สุ่มเสี่ยงไปในทางที่ขาดมาตรฐานจริยธรรม ประพฤติปฏิบัติมิชอบ มีความเสื่อมเสียศีลธรรมอันดี

สำหรับเรื่องกรอบเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า การพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และร่างพ.ร.บ.ตำรวจฯ น่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 24 มิถุนายน หรือไม่เกินวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ และยังมีกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และพรรคการเมือง จำนวน 2 ฉบับ น่าจะเข้าสู่การพิจารณาในช่วงวันที่ 6-7 กรกฎาคม

ถ้ามองตามไทม์ไลน์ สัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม กฎหมายมีการพิจารณาจำนวนมาก สัปดาห์ที่ 2 เป็นวันหยุดยาว ดังนั้นในสัปดาห์ที่ 3 คือตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคมเป็นต้นไป น่าจะเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด ขณะที่จำนวนวันในการอภิปราย เท่าที่หารือกับฝ่ายรัฐบาล เมื่อมีรัฐมนตรีถูกอภิปรายถึง 11 ราย น่าจะขอเวลามากกว่า 4 วันแน่นอน อย่างน้อยต้อง 5 วัน

อภิปรายไม่ไว้วางใจ

นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ครั้งนี้เป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ อย่างไรก็ต้องมีการเลือกตั้ง ช้าที่สุดคือหลังวันที่ 23 มีนาคม 2566 ไม่เกิน 45 วัน แต่มั่นใจว่าจะเลือกตั้งเร็วกว่านั้น

ดังนั้น วัตถุประสงค์การอภิปรายครั้งนี้ คือ อาศัยมือในสภาฯ ที่จะเด็ดหัวสอยนั่งร้านให้ได้ จะทำให้มีเสียงพอที่จะโหวตไม่ไว้วางใจ และหวังที่จะใช้ศรัทธาของประชาชนในการขี้ขาดวินิจฉัยบรรดารัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo