เผยผลสำรวจ 92.7% ระบุ ‘โซเชียลมีเดีย’ เป็นตัวเร่ง ทำคนไทยแบ่งเป็นสองขั้ว ยกเคสหลายประเทศ ใช้กฏหมายคุม สร้างสมดุลแสดงออกทางการเมือง
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เผยผลสำรวจ เรื่อง ความสุขชุมชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,195 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8-11 มิถุนายน พ.ศ. 2565
ประชาชนมีความหวัง หลังถอดหน้าหาก เปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ
โดยผลสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่หรือ 94.4% มีความหวัง ความสุข หลังถอดหน้ากาก เปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว กลับใช้ชีวิตปกติ นอกจากนี้ ความสุขชุมชนมากที่สุด เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนนได้แก่ คะแนนความสุขชุมชน ด้านครอบครัว ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้ 7.17 คะแนน
ในขณะที่ ความสุขชุมชนด้าน สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน ความรักความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว จงรักภักดี ช่วยกันปกป้องรักษาไว้ได้ 7.00 คะแนน ความสุขชุมชนเมื่อนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้แท้จริงได้ 6.94 คะแนน ความสุขชุมชนด้านสุขภาพได้ 6.77 คะแนนความสุขด้านเศรษฐกิจปากท้องได้ 5.38
ตัวเร่ง สร้างความแตกแยก
ที่น่าเป็นห่วงคือ คะแนนความสุขชุมชน เมื่อนึกถึง ความขัดแย้งของคนในชาติ ม็อบรุนแรง การยุยงให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ ผ่านโซเชียล มีเดีย เป็นตัวฉุดความสุขชุมชนลดลงเหลือ 4.92 คะแนน และความสุขชุมชนโดยรวมได้6.10 คะแนน อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือ 96.5% กังวล บ้านเมืองจะวุ่นวาย ประชาชนไร้สุข เพราะคนในชาติแตกแยก ขัดแย้งรุนแรงบานปลาย ในขณะที่เพียง 3.5% ไม่กังวล
และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.7 ชี้ว่าโซเชียลมีเดีย มีส่วนเป็นตัวเร่ง ทำคนไทยแบ่งเป็นสองขั้ว สร้างความแตกแยก ความเกลียดชังต่อกันของคนในชาติ ในขณะที่ร้อยละ 7.3 ระบุไม่มีส่วน
นายนพดล กล่าวอีกว่า ในผลการศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมของประชาชนในโลกโซเชียลในหลายประเทศพบว่า โซเชียล มีเดีย มีส่วนทำให้คนในแต่ละประเทศ แบ่งออกเป็นสองขั้วสองฝ่ายเผชิญหน้ากันจริง เช่น เมืองฮ่องกง และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางบางประเทศ รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านของไทยในภูมิภาคนี้
หลายประเทศ มีกฏหมายคุมการใช้โซเชียล สร้างสมดุลการแสดงออกทางการเมือง
จึงทำให้บางประเทศมีระบบคัดกรองเนื้อหา และมีกฎหมายห้ามการใช้โซเชียล มีเดีย และห้ามประชาชนในประเทศพูดเรื่องการเมือง ที่ทำลายความสมดุลในความแตกต่างทางความคิดของคนในชาติ เพื่อป้องกันสกัดกั้นความแตกแยกของประชาชน เช่น ประเทศสิงคโปร์ มีกฎหมายเป็นเครื่องมือสร้างความสมดุลของการแสดงออกทางการเมืองในที่สาธารณะ ไม่สร้างความแตกแยกของคนในชาติ เป็นต้น
นายนพดล กล่าวว่า ที่น่าสนใจคือ การแสดงออกในที่สาธารณะต้องแสดงออกในพื้นที่ที่จัดไว้ให้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องขออนุญาตถ้าเป็นไปตามระเบียบกฎหมายของสิงคโปร์ แต่คนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นในประเด็นสาธารณะได้ ต้องเป็นพลเมืองของสิงคโปร์เท่านั้นและคนเข้าร่วมฟังก็ต้องเป็นพลเมืองด้วย โดยไม่มีเนื้อหากระทบต่อศาสนา ชาติพันธุ์ ไม่สร้างความเกลียดชัง แตกแยกของคนในชาติ
แต่ในประเทศไทย แกนนำทางการเมืองมักพูดและทำเพื่อเอาใจรักษาฐานเสียงของตนเอง มากกว่าจะออกแบบเพื่อสร้างความสมดุลและความรักความสามัคคีของคนในชาติ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ผู้ว่าฯ คนใหม่ ในหัวใจประชาชน โพลเผย ชัชชาติ ยังนำ แต่คนอื่นมีลุ้น เพราะคนกรุงยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร
- เปิดผลสำรวจ 10 จุดสัมผัสเสี่ยงโควิด เมื่อเด็กไปโรงเรียน ต้องเฝ้าระวัง!!
- ‘ปริญญ์’ เอฟเฟ็กต์ ศึกชิงผู้ว่าฯกทม. ซูปเปอร์โพลชี้ แม้ไม่ส่งผลลบต่อ ‘สุชัชวีร์’ แต่ส่งผลดีต่อ ‘สกลธี’