สธ. เร่งการจัดทำ ‘นิยามโรค’ และ แนวทางการเฝ้าระวัง แจ้ง หมอรุ่นใหม่ ที่ไม่เคยเจอโรค ‘ฝีดาษลิง’ ให้เข้าใจตรงกัน ไม่ใช่โรคอุบัติเหตุใหม่
วันนี้ (30 พ.ค. 65) นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการ กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อ แต่มีรายงานจากออสเตรเลียว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษวานร 1 คน ที่เดินทางต่อเครื่องบินที่ไทย ซึ่งขณะเดินทางไม่มีอาการ แต่เมื่อถึงออสเตรเลียหลายวันถึงมีอาการ
เฝ้าระวัง ลูกเรือ และผู้โดยสารชั้นธุรกิจ 12 คน
ทำให้ต้องมีการเฝ้าระวังผู้สัมผัส หรือใกล้ชิดกับผู้เดินทางรายนี้ โดยเป็นลูกเรือและผู้โดยสารบนเครื่องบินที่ใกล้ชิด รวม 12 คน ซึ่งนักเดินทางรายที่พบติดเชื้อ โดยสารในชั้นธุรกิจ ทำให้ไม่ได้มีการติดต่อกับคนมากนัก
ทั้งนี้ จากการประเมินพบว่า โรคฝีดาษวานร มีโอกาสพบในผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เนื่องจากขณะนี้มีการเปิดประเทศ และมีการเดินทางเข้า-ออก ของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ผู้ต้องสงสัย 3 คน ที่แท้แค่ ‘เริม’
นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ในส่วนของการสอบสวนชาวต่างชาติชาวไอซ์แลนด์ 3 คน ที่เดินทางเข้าไทยก่อนหน้านี้ และมีลักษณะอาการเข้าข่ายฝีดาษวานร จากผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และจุฬาฯ พบเข้าได้กับเชื้อเริม สายพันธุ์ 1 ที่พบการติดเชื้อจากการสัมผัสกับผิวหนัง ไม่ใช่ฝีดาษลิงแต่อย่างใด
สำหรับชายชาวไอซ์แลนด์ทั้ง 3 คน เป็นพี่น้องกัน เดินทางเข้าไทยมาที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเรียนชกมวย และขณะเรียนชกมวยนั้น พบว่ามีหญิงชาวรัสเซีย 1 คน ที่มีอาการผื่น มาต่อยกระสอบทรายร่วมกัน หลังจากไม่นานมีอาการ และมีผื่นตามเอว แขน ใบหน้า และอาการไม่ดีขึ้น คนที่เป็นพี่ชาย ซึ่งมีอาชีพเป็นแพทย์ จึงเดินทางมารับการรักษาใน รพ.เอกชน และได้รับการรายงานผลตรวจเฝ้าระวัง
เร่งจัดทำนิยามโรค แจ้งหมอรุ่นใหม่ ให้รู้และเข้าใจฝีดาษลิง
ทั้งนี้ การตรวจยืนยันผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษวานรนั้น ต้องมีผลตรวจ RT-PCR ยืนยัน เนื่องจากโรคฝีดาษไม่ได้พบมานานแล้ว ทำให้ต้องทำความเข้าใจกับแพทย์รุ่นใหม่ ที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ที่ไม่มีความรู้และเข้าใจโรคนี้ ต้องเร่งการแจ้งนิยามโรค และแนวทางการเฝ้าระวังโรค
พร้อมย้ำว่า โรคนี้ไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ แต่เป็นโรคประจำถิ่นของแอฟริกา โดยมีการระบาด 2 สายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์ที่มีการติดเชื้อและแพร่ในขณะนี้ยังไม่มีใครเสียชีวิตนอกแอฟริกา
นิยามโรค อาการ แนวทางการจัดการกับผู้ป่วย
นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ลักษณะอาการของโรคฝีดาษวานร จะต้องเข้าได้กับ 2 สักษณะ คือ
- มีไข้ 38 องศาฯ หรือมีอาการเจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดคอ หรือมีต่อมน้ำเหลืองโต ร่วมกับประวัติเชื่อมโยงทางระบาดวิทยา ภายใน 21 วัน (เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงที่มีการแพร่ระบาด โดยขณะนี้พบในไนจีเรีย อังกฤษ แคนาดา สเปน และโปรตุเกส)
- มีตุ่มนูนขึ้นหน้า ลำตัว แขนขา เอว และตุ่มได้เปลี่ยนเป็นน้ำใส หรือหนอง จากนั้นตกสะเก็ด และยังต้องมีประวัติเชื่อมโยงทางระบาดวิทยาภายใน 21 วัน (เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงที่มีการแพร่ระบาด โดยขณะนี้พบในไนจีเรีย อังกฤษ แคนาดา สเปน และโปรตุเกส)
สำหรับนิยามผู้ป่วย เข้าข่ายโรคฝีดาษวานร แบ่งเป็น
- ผู้ป่วยสงสัย ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดโดยตรงกับผิวหนังผู้ป่วย หรือสัมผัสสิ่งของที่อาจมีเชื้อปนเปื้อนของผู้ป่วย รวมทั้งเสื้อผ้าผู้ป่วย
- ผู้สัมผัสร่วมบ้าน ที่อาศัยอยู่ในห้องเดียวกันกับผู้ป่วย หรือใช้ห้องน้ำหรืออุปกรณ์ในห้องน้ำร่วมกับผู้ป่วย และ
- ผู้สัมผัสที่อยู่ภายในห้อง หรืออยู่ใกล้ผู้ป่วยฝีดาษวานร ภายในระยะ 2 เมตร
ส่วนแนวทางการจัดการกับผู้ป่วย แบ่งเป็น
- ผู้สงสัย ตรวจหาเชื้อตามแนวทางที่กำหนด ตรวจสอบประวัติเสี่ยง ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ผู้ป่วยเข้าข่าย สอบสวนโรคและพิจารณาแยกกักจนกว่าจะตรวจหาเชื้อไม่พบ และ
- ผู้ป่วยยืนยัน รับการรักษาและพิจารณาแยกกัก 21 วัน
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกมีรายงานพบผู้ป่วยยืนยัน 406 คน ผู้ป่วยสงสัย 88 คน รวม 494 คน พบใน 32 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ 101 คน เยอรมนี 22 คน สเปน 139 คน โปรตุเกส 74 คน และแคนาคา 63 คน ทั้งนี้ มีประเทศที่พบผู้ป่วยรายงานรายใหม่เมื่อวันที่ 29 พ.ค. คือ เม็กซิโก 1 คน ไอร์แลนด์ 1 คน เอกวาดอร์ 1 คน มอลตา 1 คน ปากีสถาน 1 คน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ตามดูวิวัฒนาการ ‘วัคซีนฝีดาษ’ ป้องกัน ‘ฝีดาษลิง’ มีพัฒนาการมาถึง 3 เจนเนอเรชั่นแล้ว
- จับตา!! ดร.อนันต์ เผย ไวรัส ‘ฝีดาษลิง’ กลายพันธุ์เร็วกว่าเดิม 10 เท่า
- แย่แล้ว!! ไวรัส ‘ฝีดาษลิง’ ดร.อนันต์ เผย แค่เข้าห้องน้ำ ก็อาจติดเชื้อได้
