“ไพศาล” สะท้อนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ชนะขาดลอย ประชาชนไม่ต้องการพวกสุดโต่ง ทั้งซ้ายจัดและขวาจัด
นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ในนามปากกา สิริอัญญา เรื่อง การตรวจสอบว่าที่ผู้ว่าฯกทม. โดยระบุว่า
ชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ครั้งล่าสุดนี้สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เพราะจำนวนคะแนนเสียงที่ชาวกรุงเทพมหานคร เทคะแนนเสียงให้กับ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นั้นล้นหลามเข้าลักษณะแลนด์สไลด์ และทำลายสถิติคะแนนเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครในอดีตจนหมดสิ้น
ที่ส่งสะเทือนมากก็คือ การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการตัดสินของชาวกรุงเทพฯ ระหว่างการเลือกคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับพวกสุดโต่งสองขั้วที่ห้ำหั่นกันมากว่าสิบปีแล้ว และในที่สุดชาวกรุงเทพฯ ก็ตัดสินใจไม่เลือกพวกสุดโต่งทั้งสองขั้ว และตัดสินใจเลือกคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งมีลักษณะอยู่ท่ามกลางหรือสายกลางกว่าพวกสุดโต่งนั้น
พวกสุดโต่งพวกแรกคือ พวกโหนเจ้า แอบอ้างเจ้าเป็นเครื่องมือทางการเมือง ว่าเป็นผู้มีความจงรักภักดีแต่ผู้เดียว ผู้สมัครอื่นไม่จงรักภักดี เรียกร้องให้บรรดาผู้มีความจงรักภักดีทั้งหลายลงคะแนนเสียงให้ หวังว่าจะมีผู้คนหลงเชื่อเทคะแนนเสียงให้ได้รับชัยชนะ
ปรากฏว่าประชาชนรู้เท่าทันพร้อมใจกันลงทัณฑ์พวกสุดโต่งขวาจัดนี้ ทำให้พ่ายแพ้การเลือกตั้งยับเยิน และสะเทือนสะท้านไปถึงนักการเมืองที่หนุนหลังพวกขั้วนี้ ที่ใช้พวกขั้วนี้สร้างความแตกแยกแตกสามัคคีในชาติมาหลายปีแล้ว
พวกสุดโต่งพวกที่สองคือ พวกซ้ายจัด ที่บ่อนเซาะสถาบันในทุกโอกาส ดูหมิ่นเหยียดหยามประชดประชัน กระทั่งเฉียดฉิวไปในทางหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถึงขั้นจะยึดสนามหลวงมาให้ประชาชนบ้าง หรือจะทำให้กรุงเทพมหานครไม่มีภาพพระมหากษัตริย์บ้าง
ในที่สุดประชาชนก็ลงทัณฑ์สั่งสอนพวกสุดโต่งซ้ายจัดนี้ และทำให้พ่ายแพ้ยับเยิน แม้ว่าผลโพลก่อนหน้านี้จะมีคะแนนนำลิ่วประการใดก็ตาม
ผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ประชาชนพร้อมใจกันลงทัณฑ์สั่งสอนพวกสุดโต่งสองขั้วครั้งนี้ ต้องถือว่าเป็นครั้งที่สองแล้ว
โดยครั้งแรก เกิดขึ้นในการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 หลักสี่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการรณรงค์เลือกตั้งแบบเดียวกัน คือพวกสุดโต่งซ้ายจัด และขวาจัด ที่ทำการรณรงค์แข่งขันกันอย่างหนักหน่วง ถึงขั้นแอบอ้างชนิดที่ใครได้ยินได้ฟังแล้วไม่อาจยอมรับได้โดยเด็ดขาด
ผลการเลือกตั้งทั้งสองครั้ง คือเขต 9 หลักสี่ก็ดี และผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก็ดี เป็นที่ชัดเจนที่สุดว่า ประชาชนไม่ต้องการพวกสุดโต่งทั้งซ้ายจัดและขวาจัด
นอกจากนี้ ยังได้ลงโทษลงทัณฑ์กับพวกสุดโต่งสองขั้วนี้อย่างเจ็บแสบที่สุด ซึ่งควรจะเป็นบทเรียนให้กับพวกสุดโต่งเหล่านี้ได้เลิกประพฤติปฏิบัติเหมือนที่ผ่านมาเสีย
และผลการเลือกตั้งที่เป็นจริงทั้งสองครั้ง ก็ได้ทำลายพลังทางการเมือง ของพวกสุดโต่งทั้งสองขั้วนี้ลงไปมาก บางขั้วอาจดับทางการเมืองไปแล้ว บางขั้วแม้ยังดิ้นรนและมีความหวังอยู่ แต่ในน้ำใจลึกก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า ประชาชนไม่ต้องการพวกสุดโต่ง
สำหรับคุณชัชชาติ ได้รับเลือกด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น นั่นไม่ใช่เป็นคะแนนเสียงของฝ่ายนิยมทักษิณ แต่เป็นคะแนนเสียงจากประชาชนทุกหมู่เหล่าทุกสารทิศในกรุงเทพมหานคร
แน่นอนว่าเป็นเสียงของบุคคลทุกวัยที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยจำนวนหลักก็คือประชาชนที่ปฏิเสธและสั่งสอนพวกสุดโต่งทั้งสองขั้ว จึงเทคะแนนเสียงให้กับคุณชัชชาติ
ขณะที่จำนวนมากก็เป็นพวกที่ต้องการให้บทเรียนแก่ผู้ถืออำนาจที่ไม่มีความสัตย์ในการบริหารบ้านเมือง มิได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน มุ่งแต่การสืบทอดอำนาจ จนเกิดความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าและเกิดปัญหาท่วมท้นไปทั้งบ้านทั้งเมือง
ที่สำคัญคือ ไม่ฟังเสียงของราษฎร และมีการใช้เงินจำนวนมากไปตั้งกลุ่มปฏิบัติการทางจิตวิทยาหรือ IO มาสร้างความนิยมเสมือนจริง และทำให้เกิดความเข้าใจผิดและความแตกแยกแตกสามัคคีภายในชาติ โดยคิดว่าประชาชนไม่รู้เท่าทันซึ่งเป็นความคิดและความเข้าใจที่ผิด
ดังนั้น เมื่อประชาชนไม่มีทางเลือกอย่างอื่น จึงพร้อมใจกันลงทัณฑ์และสั่งสอนผู้ถืออำนาจให้ได้รับรู้ความรู้สึกของประชาชนที่ไม่อาจยอมทนอยู่กับสภาพความเป็นอยู่ได้
นั่นคือ ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลงให้พ้นสภาพจากที่เป็นอยู่นี้ไปสู่สภาพที่ดีขึ้น
ประชาชนต้องการเห็นประเทศชาติมีความมั่นคง มีความสงบสุข มีความเจริญรุ่งเรือง และไม่อยู่ใต้อำนาจของชาติใด ไม่เข้าเป็นฝักฝ่ายตั้งตนเป็นศัตรูกับชาติอื่นที่ชักพาประเทศไทยไปเป็นศึกสงครามกับชาติใด
ประชาชนต้องการการฟื้นฟูสภาพชีวิตความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น ต้องการการปฏิรูปประเทศในหลายด้าน ตามที่มีการให้คำมั่นสัญญาไว้ตั้งแต่ก่อนยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 และหลังจากนั้น
ประชาชนต้องการคำมั่นสัญญาในการคืนอำนาจว่าอีกไม่นาน ซึ่งวันเวลาผ่านพ้นมา 8 ปีแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชน กลับมีการดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อจะสืบทอดอำนาจต่อไปภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จนไม่มีใครทราบว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด
การเคลื่อนไหวของประชาชน เพื่อดิ้นรนให้พ้นสภาพดังกล่าวได้เกิดขึ้น และขยายตัวไปอย่างกว้างขวางทุกสาขาอาชีพ ทุกหมู่เหล่า และทุกพื้นที่
กระทั่งทำให้กลุ่มคนที่ยึดพวก ยึดสีต่าง ๆ และมีความขัดแย้งมานับสิบปี ได้รวมตัวเพื่อนำประเทศไทยไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ประเทศมีเอกราช มีอธิปไตย และประชาชนมีความรุ่งเรืองไพบูลย์
ฉันทามติจากการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งนี้ หาได้มีความหมายแค่ผลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครอันเป็นเมืองหลวง แต่เป็นสัญญาณเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งประเทศที่ปรากฏให้เห็นเด่นตาแล้ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เลือกตั้งกทม. ‘ไพศาล’ ส่งซิกอย่าเลือกคน 2 แบบ ถึงเวลาไล่พวกสุดโต่ง
- ‘ไพศาล’ ชำแหละความล้มเหลวรัฐบาล ประเทศไทยถังแตก เจ๊งทั้งแผ่นดิน
- ‘ไพศาล’ เปิดโผ นายกฯสำรองเป็นใคร? แทน ‘บิ๊กตู่’