ดร.อนันต์ เผย ผลวิจัยในสัตว์ทดลองของญี่ปุ่น พบ โอไมครอน ‘สายพันธุ์ย่อย BA.4 BA.5’ นอกจากหนีภูมิเก่งแล้ว ยังทำผู้ติดเชื้อ ป่วยหนัก ‘ปอดอักเสบ’ สูงกว่า BA.2
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana เรื่อง ผลการวิจัย โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4/BA.5 นอกจากจะเป็นสายพันธุ์ที่ โตเร็ว หลบภูมิเก่งที่สุดแล้ว ผุ้ติดเชื่อยังเกิดอาการรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ด้วย โดยระบุว่า
ยืนยัน BA.4/BA.5 หนีภูมิเก่งที่สุด ในตระกูลโอไมครอน
ทีมวิจัยโควิดหลายทีมของญี่ปุ่น ที่ร่วมมือกันในชื่อ G2P (Genotype to Phenotype) ได้ออกผลงานมาหลายชิ้นและรวดเร็วมาก ความตั้งใจของกลุ่มนี้คือ พยายาม เชื่อมโยงการกลายพันธุ์ของไวรัสไปสู่คุณสมบัติของไวรัสที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อเป็นข้อมูลรับมือการเปลี่ยนแปลงของไวรัสที่อาจจะหรือกำลังเกิดขึ้น ผลงานชิ้นล่าสุดคือ การแปลความหมายการกลายพันธุ์ของไวรัสสายพันธุ์ BA.4/ BA.5 ที่กำลังเป็นปัญหาในหลายประเทศ โดยเฉพาะแอฟริกาใต้
BA.4/BA.5 เป็นไวรัสที่เปลี่ยนมาจาก BA.2 การกลายพันธุ์มีเพิ่มมาไม่มาก แต่ตำแหน่งที่คนสนใจคือ L452R เพราะการเปลี่ยนแปลงที่ตำแหน่งนี้เหมือนกับที่พบในเดลต้า เรื่องคุณสมบัติการหนีภูมิของ BA.4/BA.5 ตอนนี้ชัดว่า เก่งที่สุดในบรรดาไวรัสตระกูลโอมิครอน ซึ่งกลุ่ม G2P ก็ยืนยันเหมือนกับทีมอื่นๆที่รายงานออกมาก่อนหน้านี้
ผลการทดสอบพบ BA.4/BA.5 ทำหนูทดลองป่วยหนักกว่า BA.2 โดยเฉพาะปอดอักเสบ
แต่ผลที่ค่อนข้างใหม่และน่ากังวลพอสมควรคือ ผลทดสอบความสามารถในการก่อโรคในสัตว์ทดลอง โดยทีมวิจัยใช้ hamster เป็นมาตรฐาน เปรียบเทียบ BA.4/BA.5 กับสายพันธุ์ BA.2 และ BA.2.12.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักอีกตัวที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ L452 เช่นกัน (L452Q)
ผลการทดลองบอกว่า hamster ที่ติดเชื้อ BA.4/BA.5 ป่วยหนักกว่า BA.2 อย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ไวรัสติดเซลล์ปอดได้ดีกว่ามาก และ ปริมาณไวรัสที่เพิ่มในปอดก็สูงเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงของ BA.4/BA.5 นอกจากจะทำให้ไวรัสโตไว หนีภูมิเก่ง ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของการกลายพันธุ์ เพื่อความอยู่รอดแล้ว ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นของแถมที่คาดเดาไม่ได้ครับ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อนุทิน หารือ ผอ.ใหญ่ WHO ขอสนับสนุน ‘วัคซีนฝีดาษคน’ เตรียมรับมือ ‘ฝีดาษลิง’
- กทม. เฝ้าระวังสถานการณ์ ‘ฝีดาษลิง’ แนะประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิด
- สธ. กำหนด ฝีดาษลิง เป็น ‘โรคติดต่อเฝ้าระวัง’ ทำไมไม่เป็น ‘โรคติดต่ออันตราย’ หาคำตอบที่นี่
