Politics

เร่งสร้างความมั่นใจ ผู้ปกครองนำบุตรหลานฉีดวัคซีน โดยเฉพาะเด็กอายุ 5-11 ปี ที่ยังฉีดไม่ถึงครึ่ง

กทม. เร่งสร้างความมั่นใจ ให้กับผู้ปกครอง นำบุตรหลาน ฉีดวัคซีน ลดเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะเด็กอายุ 5-11 ปี ที่ยังฉีดไม่ถึงครึ่ง

นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี และอายุ 12-17 ปี รวมถึงกลุ่มเด็กนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการสำรวจนักเรียนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ทั้งเข็มที่ 1 เข็มที่ 2  และเข็มกระตุ้นให้เข้ารับวัคซีน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อ ภายหลังเปิดการเรียนการสอนในรูปแบบ On-Site ทุกชั้นเรียน

เร่งสร้างความมั่นใจ

สรุปผล ฉีดวัคซีน นักเรียนในโรงเรียนสังกัดกทม. 

โดยระดับชั้นอนุบาล 1 – ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 222,213 คน ได้รับวัคซีนแล้ว จำนวน 108,144 คน คิดเป็น 48.67% ยังไม่ได้รับวัคซีน จำนวน 114,069 คน  คิดเป็น 51.33% ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 จำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 38,947 คน ได้รับวัคซีนแล้ว จำนวน 33,180 คน คิดเป็น 85.19% ยังไม่ได้รับวัคซีน จำนวน 5,767 คน คิดเป็น 14.81%

ทั้งนี้ สำนักการศึกษา ได้มีการประชุมกับสำนักการแพทย์ สำนักอนามัย สำนักงานเขต และโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร เพื่อจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เจ้าหน้าที่ กำหนดสถานที่ฉีดวัคซีน และนัดหมาย วัน เวลา ในการให้บริการฉีดวัคซีนแก่เด็กนักเรียนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ทั้งเข็มที่ 1 เข็มที่ 2 และเข็มกระตุ้นให้เข้ารับวัคซีน

เบื้องต้นมีการวางแผนจะฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนที่โรงเรียน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก แก่นักเรียนและผู้ปกครอง ในการพาบุตรหลานเข้ารับบริการฉีดวัคซีน

เร่งสร้างความมั่นใจ

เร่งสร้างความมั่นใจผู้ปกครอง พาเด็กเข้ารับวัคซีน โดยเฉพาะเด็ก 5-11 ปี

นอกจากนี้ สำนักอนามัยยังได้เร่งรัดติดตามเด็กอายุระหว่าง 5-11 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือยังได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์  เพื่อดำเนินการนัดหมายให้เข้ารับวัคซีนให้มีความครอบคลุมมากที่สุดโดยเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อ ภายหลังเปิดการเรียนการสอนในรูปแบบ On-Site ทุกชั้นเรียน

เร่งสร้างความมั่นใจ

ในส่วนของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้เร่งสร้างความมั่นใจให้ผู้ปกครอง ในการพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีน รวมทั้งแนวทางปฏิบัติทั้งก่อนและหลังการเข้ารับวัคซีน การติดตามอาการของเด็กหลังฉีดวัคซีน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ให้ทราบถึงประโยชน์ของวัคซีน เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 สร้างความปลอดภัย ป้องกันการติดเชื้อ อาการรุนแรงและเสียชีวิตในเด็ก ซึ่งพบการเสียชีวิตในเด็กที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน มากขึ้น

โดยก่อนการเข้ารับวัคซีน ผู้ปกครอง จะต้องศึกษาข้อควรรู้เกี่ยวกับโรคโควิด-19 และวัคซีนโควิด-19  ลงลายมือชื่อในเอกสารแสดงความประสงค์ให้บุตรหลานฉีดวัคซีน และกรอกข้อมูลในแบบคัดกรองก่อนรับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่จะพิจารณาว่า นักเรียนสามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่

และในกรณีที่เด็กมีโรคประจำตัวอาการรุนแรง อาการไม่คงที่ มีความเสี่ยงอาจอันตรายถึงเสียชีวิต แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่านักเรียน สามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ปกครอง ในการพาบุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีน

283227872 322409600067196 660548304426972860 n

แนวทางเตรียมตัว ก่อน-หลัง ฉีดวัคซีน

สำหรับแนวทางการเตรียมตัวก่อนและหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้นักเรียนที่ประสงค์เข้ารับการฉีดวัคซีน ปฏิบัติตน ดังนี้

  1. ก่อนฉีดวัคซีนประมาณ 2 วัน ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  2. งดการออกกำลังกายหนักอย่างหนัก
  3. ดื่มน้ำอย่างน้อย 3-5 แก้ว และงดการดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม
  4. เลือกฉีดวัคซีนที่ต้นแขนข้างที่ไม่ถนัด
  5. หากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มาแล้ว ต้องเว้นช่วงการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เดือน

โดยหลังได้รับวัคซีน ให้รอสังเกตอาการ 30 นาที เพื่อสังเกตอาการข้างเคียง หรืออาการแพ้วัคซีน หลังฉีดวัคซีนอาจอ่อนเพลีย มีไข้ต่ำ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย และปวด บวม แดง หรือร้อนบริเวณที่ฉีด อาจมีอาการปวดศีรษะหรือกล้ามเนื้อ 1-2 วัน ข้อแนะนำหากมีไข้ ให้รับประทานพาราเซตามอล 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

ทั้งนี้ ควรสังเกตอาการ 24 ชั่วโมงแรก 7 วัน และ 30 วัน หลังจากฉีดวัคซีนแล้วยังไม่ควรออกกำลังกายในช่วง 1 สัปดาห์แรก ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ

283156482 322409643400525 8366468050934110992 n

เผยแผนเผชิญเหตุ ส่งต่อ หากเกิดเหตุไม่พึงประสงค์

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดแผนเผชิญเหตุ พร้อมจัดเตรียมรถพยาบาลฉุกเฉินเพื่อส่งต่อนักเรียน ในกรณีนักเรียนได้รับวัคซีนแล้ว มีอาการรุนแรง คือ มีไข้สูง แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ปวดศีรษะรุนแรง ปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีจุดเลือดออกจำนวนมาก ผื่นขึ้นทั้งตัว อาเจียนรุนแรงมากกว่า 5 ครั้ง ชัก และหมดสติ เพื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปโรงพยาบาล เพื่อพบแพทย์ในทันที

หากเกิดอาการแพ้วัคซีนโควิด-19 ดังนี้ มีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง หลอดลมตีบ หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก มีจุดเลือดออกจำนวนมาก ผื่นขึ้นทั้งตัว ผื่นลมพิษ อาเจียนมากกว่า 5 ครั้ง ปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชัก หมดสติ หน้ามืด เป็นลม หากสงสัยว่ามีอาการแพ้วัคซีนโควิด หรือมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที หรือติดต่อศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) โทร. 1669 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo