‘4 ตัวแปรสำคัญ’ ช่วยเด็กอายุ 5-11 ปี ปลอดภัยโควิด พร้อมจับมือศธ. ประเมินมาตรฐานการป้องกัน โรงเรียนทั่วประเทศ แล้วเสร็จภายในเดือนนี้
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดี กรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิดคี่คลาย จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ ศบค.จึงให้เปิดการเรียนการสอนแบบออนไซต์ ภายใต้มาตราการสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้นักเรียนมีการแดวัคซีนครอบคลุมมากขึ้น เหลือเพียงกลุ่มเด็กเล็ก อายุ 5-11 ปี ที่เป็นกลุ่มหลังที่เพิ่งได้รับวัคซีนไม่นาน ยังไม่ครอบคลุม
4 ตัวแปรสำคัญ ช่วยเด็กอายุ 5-11 ปี ปลอดภัยโควิด
ดังนั้น กลุ่มคนอื่นต้องช่วยกันป้องกันเด็กกลุ่มนี้ โดยมี 4 ตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้เด็กปลอดภัย
- สถานที่สิ่งแวดล้อมต้องปลอดภัย ทั้งในโรงเรียนและระหว่างการเดินทางมาโรงเรียน
- เด็กอายุ 5-11 ปี ต้องได้รับวัคซีน หากผู้ปกครองกังวลในเด็กที่มีโรคประจำตัวก็สามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์
- คนรอบข้างที่ต้องได้รับวัคซีนครบ และ
- โรงเรียนทุกแห่งต้องมีแผนเผชิญเหตุ เพื่อไม่ให้มีการปิดโรงเรียนอีกต่อไป เนื่องจากการปิดโรงเรียนที่ผ่านมาส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก ดังนั้น โรงเรียนต้องเอื้อประโยชน์ให้กับเด็กมากที่สุด หากติดเชื้อไม่มีอาการ หรือเป็นแค่กลุ่มเสี่ยง ได้รับวัคซีนครบ ให้สถานศึกษาจัดพื้นที่ให้กับเด็กได้เรียนได้ และไม่จำเป็นต้องมีการปิดโรงเรียน หรือปิดชั้นเรียนอีกต่อไป
แนะดูแลนักเรียนแบบแบ่งกลุ่ม ง่ายต่อการจัดการ พร้อมจับมือศธ. ประเมินเกณฑ์มาตรฐานการป้องกัน
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า การเรียนการสอนที่จัดอาจเป็นในรูปแบบ School Isolation ในโรงเรียนประจำ หรือในโรงเรียนไป-กลับ จัดพื้นที่แยกเด็กต่างหาก หรืออาจเรียนแบบออนไลน์ แต่ขึ้นอยู่กับพื้นที่โรงเรียนและทางจังหวัดว่าจะสามารถจัดหาพื้นที่ที่มีความปลอดภัยได้หรือไม่
พร้อมย้ำว่าขณะนี้ไม่มีความจำเป็นต้องกักตัวเด็กที่เสี่ยงสูง หรือก่อนเข้าเรียนต้องมีการตรวจ ATK อีกต่อไป เพราะอาจสร้างบาดแผลทางใจให้กับเด็ก การใช้ ATK ตรวจต่อเมื่อมีอาการเท่านั้น ขณะเดียวกัน ในรถโรงเรียนที่ทางโรงเรียน ชุมชน และผู้ปกครอง ก็ต้องช่วยกันตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย
ส่วนการเรียนการสอนของเด็กเล็กอายุน้อย 5-11 ปี ยังไม่ได้รับวัคซีน เพื่อป้องกันการหย่อนมาตรการ ขอแนะนำให้ทางโรงเรียน เน้นการแบ่งกลุ่มเด็กในการดูแล เพื่อง่ายแก่การจัดการ เพราะหากมีการติดเชื้อเกิดขึ้น จะได้จัดการทีละกลุ่ม
จากการประเมินโรงเรียนร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ พบว่ามีโรงเรียนผ่านเกณฑ์มาตรฐาน Thai Stop Covid 2 plus แล้ว 30,000 แห่ง จากโรงเรียนทั้งหมด 38,000 แห่ง ทั้งของรัฐ เอกชน และสังกัดอื่น ๆ ซึ่งคาดภายในเดือนพฤษภาคมจะประเมินครบทุกโรงเรียน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิด ‘แผนเผชิญเหตุ’ หากพบผู้ติดเชื้อโควิด หรือ สัมผัสเสี่ยงสูง ในโรงเรียน ให้ทำตามนี้
- ปลัด สธ. ย้ำไม่บังคับ ‘ตรวจ ATK ก่อนเข้าเรียน’ แต่ให้ประเมินตนเอง หากมีอาการค่อยตรวจ
- นายกฯ สั่งดูแล ‘สิทธิประโยชน์ผู้ป่วยโควิด’ หากถูกเลิกจ้างเพราะติดเชื้อ ต้องได้รับค่าชดเชย