กลายเป็น“วิวาทะ”ไปแล้ว สำหรับนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองเวลานี้ แม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่า จะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ จะเลื่อนเลือกตั้งไปอีกนานแค่ไหน แต่สังคมการเมืองโดยเฉพาะอดีตส.ส.ด้วยกันเองวันนี้เริ่มมีอาการจับผิดกับแนวคิดและนโยบายที่เปิดออกมา
ล่าสุดกรณีวิวาทะเกิดขึ้นระหว่าง นายสุชาติ ตันเจริญ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่นายสุชาติ เสนอแนวคิด“เปลี่ยน ส.ป.ก.4-01 ให้เป็นที่ดินทองคำ หรือส.ป.ก. 4.01” โดยระบุว่านโยบายนี้ไม่ได้ทำให้ที่ดินหลุดไปเป็นของนายทุนและต่างชาติ
1.เจ้าของกรรมสิทธิที่ดิน ยังเป็นชื่อส.ป.ก. อยู่ทุกตารางนิ้ว ผู้ได้รับการจัดสรรจะได้ครอบครองแค่ใบสลักสิทธิ์ ที่เปลี่ยนมือได้เท่านั้น
2.กำหนดอำนาจหน้าที่ให้ ส.ป.ก. จำแนกที่ดิน และกำหนดอัตราภาษีแบบก้าวหน้า และค่าธรรมเนียม ให้เหมาะสมกับศักยภาพของที่ดินนั้นให้ชัดเจน
3.ต้องดำเนินคดีกับผู้บุกรุกอย่างเด็ดขาด ต้องดำเนินคดีไม่ไว้หน้า ไม่ใช่แค่เอามาคืนเท่านั้นยังต้องมีโทษทั้งจำ ทั้งปรับที่มีอัตราค่าปรับที่เหมาะสม ย้อนหลังตั้งแต่ต้นของการกระทำผิด
4.พัฒนากองทุน ส.ป.ก. ให้รองรับบทบาทใหม่ในการบริหารที่ดินของ ส.ป.ก.ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน
5.ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกิน กองทุน ส.ป.ก.จะเข้าไปจัดสรรให้กับผู้ที่มีคุณสมบัติ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนไว้ก่อนปี 2554 จำนวน 3.3 แสนคน ได้มีที่ดินทำกิน ต้องนำที่ดินไปใช้ตามศักยภาพ โดย ส.ป.ก.เข้าไปเป็นพี่เลี้ยง
สำหรับรายใหม่จะต้องถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปี จึงจะสามารถเปลี่ยนมือได้ นายสุชาติ ยังเชื่อว่าข้อเสนอของเขาจะทำให้คนจนมีที่ดินทำกิน เป็นการดูแลคนจนได้มากขึ้นและดีขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
นายสุชาติ ให้เหตุผลว่าต้องยอมรับความจริงว่า 30-40 ปีที่แล้วกับวันนี้ ยุคสมัยเปลี่ยนไปมาก สมัยนั้นที่ดินเหมาะกับการทำการเกษตร นโยบายจึงเน้นปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มาถึงวันนี้การทำเกษตรกรรมทำให้เกษตรกรเป็นหนี้
วัตถุประสงค์ของ ส.ป.ก.ต้องการช่วยเหลือคนจน แต่ไม่ใช่ต้องให้จนดักดานตลอดไป การช่วยเหลือคนจนโดยรัฐสนับสนุนให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน ก็ควรจะหาทางทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ และสามารถอยู่ดีมีสุขเพิ่มขึ้น หรือเป็นคนรวยไปเลยก็ได้ ทำไมต้องตีกรอบว่า คนที่จะได้รับที่ดิน ส.ป.ก. ต้องจนดักดาน หรือพอจะมีเงินขึ้นมา คุณสมบัติก็ขาดจะถูกยึด ส.ป.ก. คืนไป
ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มองว่า อาจเปิดช่องให้นายทุนเข้าซื้อที่ดิน ส.ป.ก. และเพิ่มปัญหาความเหลื่อมล้ำ ข้อคัดค้านของนายสาทิตย์ เพิ่มอุณหภูมิทางการเมืองขึ้นมาทันที เรียกว่าตอบโต้กันดุเด้ดเผ็ดมัน
นายสุชาติ ย้อนให้ฟังว่าในฐานะแกนนำ ส.ส.กลุ่ม 16 ที่เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณี ส.ป.ก.4-01 รับทราบเจตนารมณ์ของพ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 หรือกฎหมาย ส.ป.ก. เป็นอย่างดี เรื่องนี้ได้กลายเป็นฝันร้ายของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่สุดท้ายต้องยุบสภาหนีการลงมติ เพราะปล่อยให้คนรวยได้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. เช่น จ.ภูเก็ต ซึ่งผิดหลักการของกฎหมาย ส.ป.ก. ใช่หรือไม่
ไม่เพียงแต่นายสาทิตย์แต่รู้สึกมึนงงกับข้อเสนอของนายสุชาติ แม้แต่ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังออกมาบอกว่า นโยบายพรรคแก้ปัญหาความยากจน เปลี่ยน เอกสารสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก.4-01 กว่า 30 ล้านไร่ เป็นทองคำ โดยให้เป็นใบสลักสิทธิ์ในที่ดินสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ ตามกฎหมาย ส.ป.ก.ไม่สามารถทำได้ และพ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร พ.ศ. 2522 ไม่ให้มีการซื้อขายหรือเปลี่ยนมือ กำหนดไว้จัดสรรเพื่อเกษตรกรรมให้กับผู้ยากไร้ไม่มีที่ดินทำกิน เมื่อมอบให้แล้วจำหน่ายจ่ายโอนไม่ได้ ยกเว้นเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท
“ที่ดิน ส.ป.ก.กว่า 35 ล้านไร่ จัดสรรให้เกษตรกร 7 ล้านครัวเรือน ถ้ามีพรรคใดจะทำเรื่องนี้ ยืนยันว่าวันนี้กฎหมายยังไม่เปลี่ยนและไม่เปิดช่อง” นายกฤษฎา กล่าว
มาถึงวันนี้หากพรรคไหนจะหยิบยกการจัดการที่ดินส.ป.ก.เข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมือง ต้องระวังให้ดีไม่เช่นนั้นจะซ้ำรอยอดีตที่เคยเป็นมา การแจกที่ดินส.ป.ก.ให้กับเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน ควรจะจัดการให้เบ็ดเสร็จและเป็นธรรม ไม่ใช่เกษตรกรได้ที่ดินเป็นดินลูกรัง แต่คนที่ไม่ใช่เกษตรกรจริงกลับได้ที่ดินสมบูรณ์กว่า ตรงนี้ต่างหากที่ทุกฝ่ายน่าจะเข้ามาจัดการให้เป็นธรรม
หากเกษตรกรได้รับที่ดินที่จัดสรรให้สามารถทำกินได้ เขาก็น่าจะมีรายได้ดี ที่ผ่านมาคนที่เป็นเกษตรกรจริงมักได้ที่ดิน ที่ไม่สามารถทำกินได้ ตรงนี้น่าจะเป็นหน้าที่พรรคการเมืองใหม่เข้าไปดูให้เกิดความเป็นธรรมเสียที
แต่หากมีความุ่งมั่นที่จะให้ที่ดินส.ป.ก. เปลี่ยนมือได้ มีหวังในไม่ช้าที่ดินเหล่านี้อาจจะไปอยู่ในมือใครได้ไม่ยากนัก
ยิ่งเห็น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือลงพื้นที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา บอกว่า ต้องการแก้ปัญหาให้กับประชาชนทั้งประเทศ ที่ถือครองที่ดิน สปก. โดยเฉพาะไม่สามารถโอนให้ลูกหลานได้ พรรคพลังประชารัฐ ได้พูดคุยประเด็นนี้มานาน รวมถึงได้พูดคุยกับประชาชน ที่มี สปก. โดยสะท้อนว่า ไม่สามารถโอนได้ เนื่องจากมีกฎหมาย สปก. ปี 2518
การเปลี่ยน สปก.เป็นโฉนด จะไม่ไปสู่มือคนรวย หรือนายทุน เพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์ และจากการลงพื้นที่เห็นอุปสรรคชัดเจน ที่ติดด้วยข้อกฎหมาย จึงทำให้ประชาชนเสียผลประโยชน์ในหลายอย่าง ประเด็นนี้นายสมศักดิ์ จะเอาอะไรมาการันตีว่าจะไม่ตกไปอยู่ในมือนายทุน ใครจะเป็นผู้คอยควบคุมได้ตลอดเวลา
ปกติแล้วตามกฎหมายที่ดินส.ป.ก. ระบุไว้ชัดเจนว่า เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทได้ ประเด็นลูกหลานโอนให้ไม่ได้ไม่น่าจะใช่เสียแล้ว
ฉะนั้นพรรคการเมืองไหน ที่อยากจะหาเสียงด้วยการจัดการที่ดินส.ป.ก. ด้วยเหตุผลลดความเหลื่อมล้ำ กรุณาตรวจสอบข้อกฎหมายปฏิรูปที่ดิน จากสำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(สปก.)เสียก่อน เพื่อที่เกษตรกรและหน่วยงานที่ดูแลจะไม่สับสนไปมากกว่านี้
