Politics

คนละครึ่งเฟส 5 มาแน่!! ‘บิ๊กตู่’ ลั่นให้แนวทางไปแล้ว เล็งปลดล็อกมาตรการป้องโควิด

คนละครึ่งเฟส 5 มาแน่!! “นายกรัฐมนตรี” ลั่นให้แนวทางไปแล้ว ชี้ผลดีมีเยอะ เกิดเงินหมุนเวียนอีกหลายเท่า แต่ปัญหาคือจะเอาเงินมาจากไหน เล็งขยับปลดล็อกมาตรการโควิด หลังต่างชาติเข้าไทยติดเชื้อน้อยมาก

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้เป็นการประชุม ครม. ครั้งแรกหลังหยุดสงกรานต์ที่ผ่านไปได้ด้วยดี ก็ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งหน้างาน และอยู่เบื้องหลัง ที่ช่วยดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนตลอดช่วงวันหยุดที่ผ่านมา

คนละครึ่งเฟส 5

ทั้งนี้ เทศกาลสงกรานต์ถือเป็นปีใหม่ของไทย และตนเห็นว่าสงกรานต์ปีนี้เป็นสัญลักษณ์เริ่มต้นใหม่เพื่อขับเคลื่อนประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจตามแผน และโรดแมปหลังโควิด-19 ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว การลงทุน การส่งออก รวมถึงการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุ ก็ต้องมีการวางแผนรองรับสังคมผู้สูงอายุที่จะเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมการทุกมิติอย่างเต็มที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาอยู่ที่งบประมาณที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน โดยสรุปแล้วเราใช้เงินเหล่านี้ดูแลคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนกระทั่งถึงผู้สูงอายุ เราใช้งบประมาณในแต่ละปีเป็นเงิน 8 แสนกว่าล้านบาท ฉะนั้นการที่จะให้เพิ่มขึ้นก็อยู่ที่งบประมาณที่เราจะหาได้ในอนาคตว่าเราจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร เพื่อรองรับการใช้จ่าย

ส่วนการแก้ปัญหาระบบการเงิน การคลัง ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้รายงานชี้แจงมาแล้วว่า เรายังมีเสถียรภาพที่เข้มแข็งเพียงพอ เพียงแต่ว่างบประมาณที่เรานำมาใช้ในการบริหารประเทศอาจจะต้องลดลงบ้าง แน่นอนว่าต้องเกิดผลระทบ ซึ่งตนก็บอกว่าเราต้องใช้งบประมาณในการดูแลกลุ่มเปราะบาง หรือผู้มีรายได้น้อย เป็นจำนวนสูงมาก คงต้องย้อนกลับไปดูผู้ประการธุรกิจขนาดกลาง ขนาดใหญ่ไว้ด้วย เนื่องจากเป็นแหล่งจ้างงาน เพื่อให้ได้เกิดห่วงโซ่ไปด้วยกัน เราจึงต้องหามาตรการดูแลไว้ด้วย ไม่เช่นนั้นการจ้างงานก็จะลดลง รวมไปถึงการพัฒนาฝีมือแรงงานต่าง ๆ เพื่อไปสู่การมีรายได้สูงในอนาคต

คนละครึ่งเฟส 5

“ในเรื่องของคณะกรรมการนโนบายการเงินการคลังได้มีการชี้แจงออกมา จากที่มีข่าวรัฐบาลมีปัญหาเรื่องการเงินการคลัง ไม่มีเสถียรภาพ เขาชี้แจงกันหมดแล้วว่ามีปัญหาเกิดขึ้นอย่างไร หรือมาตรการที่รัฐบาลเตรียมการไว้อย่างไร บางทีก็ไปตัดตอนออกไป พอตอนแก้ปัญหาไม่พูด ไปพูดแต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งสิ่งที่ไม่ดีรัฐบาลก็แก้ไข รัฐบาลไม่รู้ไม่ได้ ต้องรู้อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการคลัง หัวหน้าเศรษฐกิจทั้งหมดก็ได้เตรียมมาตรการต่าง ๆ รองรับส่ิงเหล่านี้ไว้หมดแล้ว ตนเพียงจะบอกว่าขอให้เข้าใจซึ่งกันและกัน ตนมีความห่วงใยประชาชนทุกคน ทุกระดับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับมาตรการป้องกันโควิด ซึ่งจะมีการปรับให้สะดวกง่ายดายขึ้น จากเดิมจะปลดล็อกมาตรการเพิ่มเติมในเดือนกรกฎาคม แต่จะปลดล็อกให้เร็วขึ้น เพราะจากสถิติคนต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยพบมีผู้ติดเชื้อจำนวนน้อยมาก ส่วนในประเทศพบผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับควบคุมได้อยู่

“วันนี้เราต้องดูว่าปัญหามีที่ไหนเราก็พุ่งเป้าไปจุดนั้น และไม่ใช่แค่แก้จุดนั้นเพียงจุดเดียว ต้องแก้ปัญหาที่มีผลทางอ้อมถึงอันอื่นด้วย เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้น บางทีเราจ่ายเงินดูแลกลุ่มเปราะบางไป เป็นการจ่ายขาดไปเฉยๆก็ต้องดูทั้ง 2 ทาง เพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นในห่วงโซ่ของเขา ซึ่งตนเน้นย้ำให้เป็นนโยบายคือ อยู่รอดปลอดภัย เพียงพอ ยั่งยืน และพุ่งเป้า” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการกู้เงินเพิ่มหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าจำเป็นก็หารือกัน อย่างที่ตนบอกแล้วว่า การจะทำให้อยู่รอด ปลอดภัย เพียงพอ ยั่งยืน จะต้องใช้เงินอย่างไร และมีเงินอยู่เท่าไหร่จำเป็นต้องหาเงินเพิ่มไหม ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนหารืออยู่ อันนี้ก็อย่าให้เป็นประเด็นก็แล้วกัน เพราะถ้าเราไม่ต้องดูแลในช่วงโควิด ไม่เกิดปัญหาตรงนี้ ตนเชื่อว่าประเทศไทยจะดีกว่านี้ แต่เพราะสถานการณ์ภายนอกที่บังคับไม่ได้ มันอยู่นอกการควบคุมของเรา ดังนั้น เราก็ต้องบริหารให้ดีที่สุด

คนละครึ่งเฟส 5

เมื่อถามว่า มาตรการที่กำลังพิจารณามีโครงการคนละครึ่งเฟส 5 หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ให้แนวทางไปแล้ว ซึ่งใช้เงินเยอะพอสมควร ถ้าพูดถึงผลดีก็มีเยอะ เพราะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนอีกหลายเท่า แต่ปัญหาอยู่ที่จะเอางบประมาณมาจากไหน ก็ต้องหาวิธีการ แต่หากทำทุกอย่างแล้วถูกนำมาโจมตีกลับไปกลับมา รัฐบาลก็ทำงานลำบาก บางอย่างก็ต้องเข้าใจกันบ้างถึงเหตุผลและความจำเป็น

“เงินทุกวันนี้เราก็ใช้จ่ายอย่างประหยัดเท่าที่มีงบประมาณอยู่ ในส่วนของงบฯ เงินกู้ ก็ใช้ไปบ้างแล้ว ในช่วงโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และยังมีความเสี่ยงหลายอย่างอยู่ และยังมาเจอสงครามอีก ทุกรัฐบาลไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ผมคิดว่าทุกคนช่วยกันอย่างเต็มที่แล้วและขอความร่วมมือประชาชนให้เข้าใจเท่านั้นเอง ถ้ามัวแต่โจมตีกันไปมา จะทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ซึ่งเราต้องฟังเสียงประชาชนด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo