“พี่ศรี-ศรีสุวรรณ จรรยา” ร้องเลขา กกต. สั่งประชาธิปัตย์จัดการ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” ขั้นเด็ดขาด ตามข้อบังคับพรรค
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อเลขาธิการสำนักงาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายพรรคการเมือง 2560 ในการแจ้งไปยังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้คณะกรรมการบริหารพรรคฯ มีมติที่เด็ดขาดตามข้อบังคับพรรคฯ กรณีที่อดีตรองหัวหน้าพรรคฯถูกกล่าวหา และฟ้องต่อศาลว่า ทำอนาจารและข่มขืนหญิงอื่นหลายราย อันเกี่ยวข้องกับมาตฐานทางจริยธรรมนั้น
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากข่าวที่ปรากฎเป็นการทั่วไปเกี่ยวกับรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รายหนึ่ง ซึ่งต่อมาเจ้าตัวที่ถูกกล่าวอ้างถึงคือ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ได้ออกมาปฏิเสธ หลังถูกกล่าวหาจากผู้เสียหายที่เป็นหญิงจำนวนมากว่า ได้กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุมากกว่า 15 ปีและข่มขื่นกระทำชำเรา
ขณะที่เจ้าทุกข์ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่ สน.ลุมพินีแล้ว และตำรวจได้ยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลไว้ 3 คดี แต่ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปล่อยชั่วคราวทั้ง 3 คดี โดยศาลได้ตีราคาประกันในคดีหมายเลขดำ ฝ.173,174/2565 สำนวนละ 200,000 บาท และคดีหมายเลขดำ ฝ.175/2565 จำนวน 300,000 บาท โดยมีเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และให้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. ทราบ
แต่เนื่องจากตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ 2561 ข้อ 19(2)(4) ข้อ 24 ถึง 28 ประกอบข้อ 115 มีข้อกำหนดอันเกี่ยวข้องกับมาตฐานจริยธรรมของสมาชิกและกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ไว้ว่า พรรคมีความรับผิดชอบต่อสมาชิก โดยจะต้องควบคุมและกํากับดูแลมิให้สมาชิกกระทําการอันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ข้อบังคับพรรค และประกาศของพรรค หากฝ่าฝืนคณะ กก.บห.พรรคฯ มีอำนาจมีมติขับให้ผู้ฝ่าฝืนออกจากสมาชิกพรรคได้
ทั้งนี้ แม้นายปริญญ์จะประกาศลาออกทุกตำแหน่งภายในพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็ตาม แต่ความเป็นสมาชิกพรรคยังไม่ปรากฏว่าลาออกแล้วหรือไม่
ดังนั้น จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะต้องดำเนินการตาม ม.22 แห่ง พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 โดยเร่งแจ้งให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับพรรคโดยเร็ว
หากเลขาธิการ กกต.แจ้งไปยังพรรคประชาธิปัตย์แล้ว คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ละเลยหรือไม่เรียกประชุมคณะกรรมการบริการพรรคหรือไม่มีมติหรือสั่งการใด ๆ เกี่ยวกับกรณีอื้อฉาวของอดีตรอง หน.พรรคฯคนดังกล่าว และไม่กำหนด มาตรการหรือวิธีการที่จำเป็น เพื่อมิให้สมาชิกพรรคกระทำการอันมีลักษณะดังกล่าวอีก และไม่แจ้งให้เลขาธิการกกต.ทราบภายใน 7 วันนับแต่มีมติ
นอกจากนี้ เลขาฯ กกต.จะต้องแจ้งให้ คณะกรรมการ กกต.เพื่อพิจารณามีคำสั่งให้ คณะ กก.บห.พรรค ปชป. พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะได้ และห้ามกลับมาเป็นดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองอีกจนกว่าจะพ้น 20 ปีไปแล้ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กก.บห. ปชป. โพสต์ ‘ขอโทษประชาชน’ และผู้สนับสนุนพรรค กรณี ‘ปริญญ์ พานิชภักดิ์’
- ‘ปริญญ์’ เอฟเฟ็กต์ ศึกชิงผู้ว่าฯกทม. ซูปเปอร์โพลชี้ แม้ไม่ส่งผลลบต่อ ‘สุชัชวีร์’ แต่ส่งผลดีต่อ ‘สกลธี’
- ‘พี่ศรี’ ร้อง กสทช. สอบกองทัพบก ปมช่อง 5 ตัดสัญญาณ ‘ท็อปนิวส์’