Politics

ศึกยังไม่จบ! พลังชลป้อง ‘สนธยา คุณปลื้ม’ ฟาด ‘สุชาติ’ รู้ที่ไป แต่ลืมที่มา

ศึกยังไม่จบ! พลังชล ออกโรงป้อง “สนธยา คุณปลื้ม” เลขาฯ พรรค ระบุ พี่น้องชาวชลบุรี ฝากบอก “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น อย่าลืมตอนลำบาก ใครคอยช่วยเหลือ สนับสนุนจนได้เป็น ส.ส.ชลบุรี ตอกเจ็บ คนชลบุรี ตัดสินใจไม่ยาก ใครบางคนที่รู้ที่ไป แต่ลืมที่มา 

วันนี้ (19 ก.พ.) นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังชล กล่าวถึงความขัดแย้งในพื้นที่ จังหวัดชลบุรี ตามที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก และให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ พาดพิงไปถึง นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

นายสุระ ระบุว่า นายสนธยา ถือเป็นผู้ใหญ่ของชลบุรี แม้ในวันนี้จะไม่ได้ดำเนินกิจกรรมในนามพรรคพลังชล แต่ในฐานะที่นายสนธยา เคยร่วมก่อตั้งพรรคพลังชล เมื่อถูกพาดพิงถึงในทางเสียหาย พี่น้องชาวชลบุรี ที่เคารพรัก นายสนธยา รู้สึกไม่สบายใจ จึงฝากมาถึงตน ที่เป็นเลขาธิการพรรคพลังชลให้ช่วยพูดถึง ตักเตือนไปยัง นายสุชาติด้วย

สนธยา คุณปลื้ม

โดยเขาฝากมาบอกว่า ขอให้นายสุชาติ พูดความจริง ไม่บิดเบือน ต้องไม่ลืม ตั้งแต่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น จนได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังชลนั้น มาได้อย่างไร บางช่วงชีวิตเคยเจอมรสุม มีใครคอยช่วยสนับสนุน กระทั่งวันหนึ่ง มีเส้นทางใหม่ทางการเมือง และหลายต่อหลายครั้ง เคยพูดถึงนายสนธยา ในทางที่ไม่ดี แต่นายสนธยา ก็ไม่ได้สนใจ

ส่วนความคิดของนายสุชาติ ที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้ง 10 เขต ทั้งที่ยังไม่รู้ว่า วันเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่นั้น นายสุระ กล่าวว่า การจัดส่งผู้สมัครเป็นเรื่องของคณะกรรมการสรรหาคัดสรรของแต่ละพรรค ตนไม่ขอก้าวล่วง

นอกจากนี้ ยังไม่รู้ว่า วันข้างหน้าพรรคที่นายสุชาติสังกัด จากการทำงานมาตลอด 7-8 ปี ยังจะเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้หรือไม่

“สำหรับพรรคพลังชล ยืนยันว่า จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งอย่างแน่นอน ส่วนตัวมีความเชื่อลึก ๆ ว่า ชาวชลบุรี ที่ยึดถือ สัจจะ กตัญญูเป็นหลัก คงจะตัดสินใจไม่ยากสำหรับใครบางคน ที่รู้ที่ไป แต่ลืมที่มา”

สนธยา คุณปลื้ม

สนธยา คุณปลื้ม บอก “หมา” เริ่มก้าวร้าว

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้น หลังไม่กี่วันก่อนหน้านี้ นายสนธยาได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก สนธยา คุณปลื้ม Sontaya Kunplome กล่าวถึงสถานการณ์การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า 

วันหยุดที่ผ่านมา มีใครต่อใครเป็นห่วงเป็นใย โทรมาถามกันมากเรื่องเลือกตั้งทั่วไปว่า กลุ่มเรารักชลบุรีจะต้องสลายตัว เพราะพลังประชารัฐจะเลือกผู้สมัครมาลงเอง หลังจากผมไปคุยกับ “ผู้ใหญ่” มาแล้ว ก็ได้เวลาที่ผมพอจะมาเล่าสู่กันฟัง

ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน เพราะหลายปีก่อน ก็ได้รับคำร้องขอให้ไปร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐในสถานการณ์พิเศษในขณะนั้น เพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ จนจู่ ๆ ก็มีคนของพรรคประกาศว่า จะหาคนมาลง ส.ส.ทุกเขต

ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรค จึงไม่ยากที่ผมจะสอบถาม “ผู้ใหญ่” ที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ต้น ผมได้รับคำตอบสั้น ๆ ว่า “มันก็อยากจะสร้างอาณาจักร อย่าไปสนใจ”

เรื่องน่าจะจบแค่นั้น แต่ไม่ใช่ เพราะยังมีหลายอย่างที่น่าคิด โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “อย่าไปสนใจ” จริง ๆ ผมก็พยายามไม่สนใจมานาน เพราะคอยแต่คิดว่า การที่คน ๆหนึ่ง จะพูดเท็จหลายเรื่องในที่ต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองดูดีนั้น ก็เห็นอยู่ดาษดื่น มีเพิ่มมาอีกคนก็ไม่แปลก

คล้ายกับเวลาหมาเห่า ถ้าไม่สร้างปัญหาร้ายอะไร เราก็ไม่ควรไปดุ เพราะหมาก็ทำตามสัญชาตญาณของหมา แต่คราวนี้ต่างไป เพราะผมเริ่มรู้สึกว่า หมาเริ่มก้าวร้าว ทั้งที่อุ้มชูมายาวนาน

คนชลบุรีรักใครรักจริง คบใครคบจริง เราเป็นแบบนี้กันมาตลอด นับญาติกันมาตั้งแต่เกิด แต่กับการทรยศ หักหลัง เราก็จะไม่นิ่งเฉย

ในเวลาต่อมา นายสุชาติ ก็ได้โพสต์ข้อความพาดพิงถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ผ่านการเปรียบเปรยว่า เป็นขุนศึกคู่กาย กับแม่ทัพอัลไซเมอร์

นิทานพงศาวดาร เรื่อง… “ขุนศึกคู่กาย กับแม่ทัพอัลไซเมอร์”

เช้านี้ผมได้เล่านิทานให้ คุณดนัย หมาแก่ ฟัง ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย inside Thailand และนี่คือเนื้อหาข้อมูลทั้งหมด

นานมาแล้ว มีขุนศึกกับแม่ทัพคู่หนึ่ง ขุนศึกรักเคารพแม่ทัพ เหมือนพี่คนหนึ่ง สั่งให้ไปรบไปที่ไหน ไม่เคยปฏิเสธ สู้ตายถวายหัวทุกสนามรบ แม้กระทั่งวันที่ไม่เหลือขุนศึกคนอื่นเลย ที่สำคัญส่วนใหญ่ ขุนศึกคู่กายคนนี้รบชนะทุกครั้ง

วันหนึ่ง ขุนศึกคู่กาย ขอกลับมาดูแลครอบครัว และเรือกสวนไร่นาที่ทิ้งไปนาน เลยบอกแม่ทัพว่า ขอวางมือ… ปรากฎว่า 3 ปีที่แล้ว มีสงครามใหญ่ แม่ทัพเรียกขุนศึกคู่กายมาพูดคุยด้วยว่า ขอให้มาช่วยกัน ถ้าแพ้ศึกครั้งนี้ เขาและครอบครัวจะไม่มีแผ่นดินอยู่

ด้วยความรักและเคารพในตัวแม่ทัพ ขุนศึกคู่กายยอมทิ้งลูกทิ้งเมีย ทิ้งไร่นาสวน มาร่วมรบอีกครั้ง โดยการรบครั้งนี้ แม่ทัพให้ขุนศึกรับผิดชอบ 3 หัวเมืองหลัก ที่เหลือเป็นหน้าที่แม่ทัพรับผิดชอบ

ก่อนออกรบแม่ทัพรับปากว่า ถ้าชนะศึกจะปูนบำเหน็จให้ กระทั่งผลออกมา พอรบเสร็จ ขุนศึกรบชนะทั้ง 3 หัวเมือง ส่วนแม่ทัพแพ้ราบคาบทุกหัวเมือง หลังเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ปรากฎว่าแม่ทัพเป็นอัลไซเมอร์ สิ่งที่รับปากไว้ลืมหมด รวมถึงเมื่อขุนศึกกลับบ้าน ไร่นา ครอบครัวเสียหาย แม่ทัพกลับไม่มีแม้แต่การเหลียวแล

ขุนศึกก็ต้องก้มหน้าดูแลตัวเองไป แต่เชื่อมั้ยว่า วันหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิมีจริง เจ้าเมืองมาเจอขุนศึกคนนี้ ซึ่งบาดแผลเพิ่งจะตกสะเก็ดจากการสู้รบ สืบทราบจากชาวบ้านว่าเป็นนักรบมีฝีมือ มีความซื่อสัตย์ สู้รบด้วยการไม่คิดถึงชีวิตตัวเอง และครอบครัว จึงปูนบำเหน็จให้เป็น เสนาบดี

เหตุนี้เอง ขุนศึกจึงทำงานตอบแทนเจ้าเมืองด้วยความซื่อสัตย์ ถวายหัว ผลงานเป็นที่ประจักษ์

สนธยา คุณปลื้ม

ผมขอถามทุกท่านกลับไปว่า เป็นขุนศึกจะถวายหัวให้เจ้าเมืองที่เห็นคุณค่าในตัวขุนศึก หรือ แม่ทัพอัลไซเมอร์ ที่ไม่เห็นคุณค่า  และที่สำคัญ #ขุนศึกผู้นี้ปลูกข้าวกินเองมาตลอด #ไม่ได้กินข้าวของแม่ทัพ เหมือนขุนศึกคนอื่น ๆ

ส่วนการขยายอาณาจักร เอาตรงๆวันนี้แม่ทัพท่านนั้น ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะย้ายเมืองไปขึ้นตรงกับเจ้าเมืองไหน หรือจะสร้างเมืองขึ้นเอง แล้วจะมาหาว่าผู้อื่นขยายอาณาจักรได้อย่างไร

เมื่อขุนศึกได้รับมอบหมายให้เตรียมการณ์จากเจ้าเมือง ก็ต้องเตรียมการณ์เพื่อให้พร้อม ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา

สุดท้ายนี้ ที่มีการพาดพิง เรื่องหมา ขอออกตัวก่อน “ผมไม่ใช่หมา” แต่อาจจะเป็นเหมือนนักรบคนในนิทาน แต่ที่ผ่านมา ผมก็เลี้ยงหมานะ นิสัยของหมา คือ รักเจ้าของ รักลูกเจ้าของ วันนึง เจ้าของได้จากไป ก็ดูแลลูกเจ้าของ แต่ลูกเจ้าของไม่สนใจ แกล้งทุบตี

นิสัยหมามันก็ไม่เคยทิ้งเจ้าของ หรือลูกเจ้าของ มีแต่เจ้าของ หรือลูกเจ้าของ เอาหมาไปปล่อยวัด วันหนึ่งมีคนเก็บหมาตัวนี้ไปเลี้ยงดู แลเห็นคุณค่าในความซื่อสัตย์ของหมาตัวนี้

แล้วยังจะมีใครคิดว่า หมาที่คุณได้ปล่อยทิ้งวัดไปแล้ว เป็นหมาของตัวเองอยู่อีกเหรอครับ ลองพิจารณาดูนะครับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo