Politics

‘สุเทพ’ บอกสบายใจขึ้น หลังทุกข์ทรมานมาหลายปี คดีทุจริตฮั้วประมูลโรงพัก 396 แห่ง

ฮั้วประมูลโรงพัก “สุเทพ”ขึ้นศาลฎีกาไต่สวนนัดแรก คดีฮั้วประมูลสร้างโรงพัก 396 เเห่ง เผยรู้สึกสบายใจ ทุกข์ทรมานมานาน ยันไม่ได้กระทำผิด บอกทุกอย่างดำเนินการตามมติ ครม.   

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) สนามหลวง ศาลนัดพิจารณาครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การจำเลยคดีหมายเลขดำ อม.22/2564 ที่ คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตเเห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก รวม 6 คน ,พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ , พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ , พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ , บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์กับพวกรวม 6 คน เป็นจำเลยที่1-6 กรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดเเทนโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ)

 ฮั้วประมูลสร้างโรงพัก

‘สุเทพ’ บอกสบายใจขึ้น หลังทุกข์ทรมานมาหลายปี คดีทุจริตฮั้วประมูลโรงพัก 396 แห่ง

นายสุเทพ มาศาลฎีกาพร้อมนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เพื่อสอบปากคำให้การนัดแรก โดยเปิดเผยก่อนเข้าห้องพิจารณาคดีว่า เป็นโอกาสดีที่จะได้ชี้แจงข้อกล่าวหา หลังจากถูกสังคมมองว่ามีความผิด ถูกฟ้องว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง เมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่การไต่สวนยาวนานถึง 6 ปี และเมื่ออัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องพร้อมส่งสำนวนคืนให้ป.ป.ช. ทำให้ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเอง และศาลนัดแรกวันนี้ จะยื่นคำให้การโดยย่อ จำนวน 31 หน้า เพื่อแสดงให้เห็นแนวทางการต่อสู้คดี

นายสุเทพ จำเลยกับพวกเดินทางมาศาล โดยกล่าวว่า คดีนี้ ป.ป.ช.นำตัวตนมายื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 เเละศาลนัดพิจารณาคดีวันนี้เป็นวันเเรกทนายความพร้อมทั้งนัดสอบคำให้การโดยให้ตนยื่นคำให้การโดยย่อเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเเสดงเเนวทางการต่อสู้คดี การขึ้นศาลฎีกาฯนักการเมืองเเนวทางจะไม่เหมือนศาลอาญาทั่วไปเเต่มีข้อดีที่คดีจะไม่ยืดเยื้อ

ฮั้วประมูลสร้างโรงพัก

นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดี ที่จะได้ชี้แจง ข้อกล่าวหาในประเด็นดังกล่าว หลังจากถูกสังคมมองว่ามีความผิด ถูกฟ้องว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ตามที่ทำงานตอน เป็นรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่การไต่สวนยาวนานถึง 6 ปี เมื่ออัยการสูงสุดก็สั่งไม่ฟ้องพร้อมส่งสำนวนคืนให้กับ ป.ป.ช. ทำให้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเอง การศาลนัดแรกวันนี้ จะยื่นคำให้การโดยย่อ จำนวน 31 หน้า เพื่อแสดงให้เห็นแนวทางการต่อสู้คดี และเชื่อว่าจากนี้คดีจะไม่ยึดเยื้อแล้ว อาจจะใช้เวลา 1-3 เดือน และจะจบภายในปีนี้

นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะทุกข์ทรมานมาหลายปี จะได้ยุติเสียที แนวทางการต่อสู้ จะยืนยันว่า ตนเองไม่ได้กระทำผิดและดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะมติคณะรัฐมนตรีไม่มีเรื่องการกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง แต่เป็นเรื่องของหัวหน้าส่วนราชการในยุคนั้น ที่จัดซื้อจัดจ้างโดยแบ่งเป็นภาค ซึ่งตนเองก็เห็นว่าเป็นวิธีการจัดซื้อจัดจ้างที่ดีที่สุด ซึ่งพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้นเสนอมา และขณะที่ตนเองเห็นชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้ขอตั้งงบประมาณ หลังจากนั่นต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งงบประมาณแทนที่จะทำเป็น 9 โครงการ แต่กลับทำเป็นสัญญาเดียว

ฮั้วประมูลสร้างโรงพัก

ต่อมาเมื่อพลตำรวจเอกปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แย้งว่า สัญญาดังกล่าวทำไม่ได้ เพราะเข้าข่ายแบ่งซื้อแบ่งจ้างผิดกฎหมาย เนื่องจากร่างประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ออกแล้ว จึงเสนอว่าวิธีการที่ตนเองเห็นชอบขณะนั้นต้องยกเลิกเปลี่ยนมาทำให้ สัญญาเดียว  เมื่อไปตรวจดูพบว่า ร่างสัญญางบประมาณรายจ่ายทำเป็นสัญญาเดียว จึงมีการอนุมัติตามที่ขอมา หลังจากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการ การประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีผู้เข้าแข่งขัน 5 ราย ผู้ชนะการประมูล เสนอต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท และต่อมา พลตำรวจเอกวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนต่อมา ได้ทำเรื่องเสนอ ยืนยันดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพัสดุ ด้วยวิธีการจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงได้เซ็นต์ลงนามตามเสนอมา จากนั้นตนเองก็พ้นจากตำแหน่ง และมีการขยายเวลาก่อสร้างอีก 270 วัน

นายสุเทพ ระบุว่า ในขณะนั้น นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำเรื่องนี้มาโจมตีหวังผลทางการเมืองช่วย พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในช่วงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งตนเองก็ได้ยื่นฟ้องนายธาริต จนนำไปสู่การตัดสินจำคุกและนายธาริต ก็นำเรื่องนี้ไปยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แต่ทาง ป.ป.ช.ไม่รับฟังพยานบุคคลที่รู้ข้อเท็จจริง เช่น เลขาธิการ และรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และจะนำบุคคลเหล่านี้มาซักค้านใน การต่อสู้คดีนี้ด้วย เพราะอำนาจศาลฎีกาสามารถ เรียกพยานบุคคล เหล่านี้มาให้ปากคำได้ และส่วนหากชนะคดี จะฟ้องกลับ ป.ป.ช.หรือไม่นั้น อยากให้รอดูตอนจบ อยากให้รอดูตอนจบ รับรองพวกเราจะชอบใจ

 

ฮั้วประมูลสร้างโรงพัก

ฮั้วประมูลสร้างโรงพัก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight