ตั้งกก.ตรวจสอบและแก้ไขผลกระทบที่จะเกิดระยะยาว กรณีน้ำมันรั่ว สธ.เป็นห่วงสุขภาพประชาชน และเฝ้าระวังผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผลที่อาจเกิดกับระบบห่วงโซ่อาหาร
วันนี้ (27 ม.ค.) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเลบริเวณมาบตาพุด จังหวัดระยอง
โดย ดร.สาธิตให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงสั่งการให้ตนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จากการบินสำรวจจุดเกิดเหตุและจากการรับฟังรายงานในที่ประชุม ขณะนี้สามารถควบคุมการรั่วไหลได้แล้ว ทีมเก็บกู้คราบน้ำมันกำลังขจัดคราบที่เหลืออีกประมาณ 5 พันลิตร คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันนี้
ทั้งนี้จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการประกอบด้วย กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์ในทุกมิติ ทั้งการสอบสวนหาข้อเท็จจริง แนวทางแก้ไขในอนาคต และผลกระทบที่จะเกิดในระยะยาว เช่น สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ เป็นต้น
ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขได้กำชับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่และสถานบริการทุกแห่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมทั้งวัสดุ อุปกรณ์ ยา และเวชภัณฑ์ พร้อมจัดทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็วสารเคมี (SRRT-C) อำเภอเมืองระยอง และโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีระยอง เฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพประชาชน
และออกปฏิบัติการเชิงรุกเฝ้าระวังสอบสวนผู้สัมผัส พร้อมออกหน่วยตรวจสุขภาพทั่วไปและตรวจติดตามความเสี่ยงให้กับทีมเก็บกู้คราบน้ำมัน รวมถึงเฝ้าระวังผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผลกระทบที่อาจเกิดกับระบบห่วงโซ่อาหาร พร้อมทั้งสื่อสารความเสี่ยงแก่ประชาชน
“จากการติดตามสถานการณ์วันนี้ขอให้มั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว อาทิ หาดแม่รำพึงและเกาะเสม็ด สำหรับประชาชนแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสคราบน้ำมัน และหากมีอาการผิดปกติ เช่น หายใจขัด แน่นหน้าอก หายใจหอบ วิงเวียนศีรษะ ระคายเคืองตา แสบตา คลื่นไส้อาเจียน ขอให้รีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน” ดร.สาธิต กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ศรีสุวรรณ’ จี้รัฐใช้ยาแรง ถอนใบอนุญาต เรียกค่าเสียหาย บริษัททำน้ำมันรั่วทะเลระยอง
- กนอ.เร่งตรวจสอบน้ำมันรั่ว พร้อมวางแผนป้องกันเกิดเหตุซ้ำ
- กรมอุทยานฯ ตรวจสอบน้ำมันรั่ว หวั่นกระทบอุทยานเขาแหลมหญ้าฯ