“ศรีสุวรรณ” ร่อนแถลงการณ์ อัดบริษัททำน้ำมันรั่วในทะเล ลั่นเป็นโศกนาฎกรรมทางทะเล รัฐต้องใช้ยาแรง ถอนใบอนุญาต ขึ้นแบล็คลิสต์ เรียกค่าเสียหายฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เตรียมตั้งโต๊ะรับเรื่องร้องเรียน
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน โพสต์เพจเฟซบุ๊ก เรื่อง รัฐต้องเด็ดขาดฟ้องเรียกค่าเสียหายบริษัททำน้ำมันรั่วที่ระยอง โดยระบุว่า
กรณีที่เกิดเหตุน้ำมันดิบใต้ทะเลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลบริเวณทะเลอ่าวมาบตาพุด อ.เมืองระยองกว่า 4 แสนลิตร (ต่อมากรมควบคุมมลพิษคำนวนว่ามี 128 ตันหรือ 1.6 แสนลิตร แต่มีข้อพิรุธ คือ รองผู้ว่าฯระยองกลับอ้างว่ามีเพียง 24,000 ลิตร)
บริษัทดังกล่าวได้ออกแถลงการณ์ยอมรับว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.06 น.ของวันที่ 25 มกราคม 2565 พบน้ำมันดิบรั่วไหล บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ของบริษัทจริง ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยองนั้น
เหตุที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็น โศกนาฎกรรมทางทะเลซ้ำ ในพื้นที่ทะเลระยองอีกครั้ง หลังจากที่เคยเกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลในทะเลระยองไปกว่า 50,000 ลิตรในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วเมื่อปี 2556
ซึ่งครั้งนั้นได้สร้างความเสียหายให้กับทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อาชีพชาวประมงพื้นบ้าน รวมทั้งทำลายสถานที่ท่องเที่ยวโดยเฉพาะหาดเสม็ด หาดแม่รำพึง จนกระทบพ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไปทั้งระบบ จนประเมินค่าความเสียหายมิได้
ยังไม่ทันข้ามพ้นทศวรรษ ปัญหาน้ำมันรั่วไหลในทะเลระยองกลับมาเกิดซ้ำอีก อันชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องของผู้ประกอบการที่อาจหละหลวมต่อการปฏิบัติ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรการที่ระบุไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)
รวมทั้งหน่วยงานอนุญาตและกำกับดูแลทั้งหลาย อาจละเลยหรือไม่เคร่งครัด ในการตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยและด้านสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในมาตรการ
ซึ่งต้องไล่เบี้ยมาตั้งแต่ คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ (คชก.) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งหากจะหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว ยังมีอีกมากมายนัก
ปัญหาที่เกิดขึ้น ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐจะต้องเลิกปฏิบัติในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการที่ก่อให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล ซึ่งชอบที่จะต้องใช้ความเด็ดขาดหรือ ใช้ยาแรง
โดย กนอ.และกระทรวงอุตสาหกรรม จะต้อง เพิกถอนใบอนุญาต ผู้ประกอบการดังกล่าวทันที และขึ้น แบล็คลิสต์ ไว้
ส่วนกรมควบคุมมลพิษและกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะต้องใช้อำนาจตามมาตรา 97 แห่ง พรบ.สิ่งแวดล้อม 2535 เรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งค่าดำเนินการกำจัดคราบน้ำมันด้วย ฯลฯ
ส่วนภาคประชาชน ชาวประมง พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ท ให้สำรวจความเสียหายไว้ เร็วๆนี้สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จะไปตั้งโต๊ะรับเรื่องร้องเรียน เพื่อขอความเป็นธรรมในบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ เร็ว ๆ นี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กนอ.เร่งตรวจสอบน้ำมันรั่ว พร้อมวางแผนป้องกันเกิดเหตุซ้ำ
- กรมอุทยานฯ ตรวจสอบน้ำมันรั่ว หวั่นกระทบอุทยานเขาแหลมหญ้าฯ
- พลังงาน เกาะติดท่อน้ำมันในทะเลรั่วที่ระยอง -ไม่กระทบการจัดหาน้ำมัน