Politics

‘บิ๊กตู่’ รับกังวลใจปัญหาหนี้สินครัวเรือน ตั้งเป้าต้องแก้หนี้ให้สำเร็จในปีนี้!

“บิ๊กตู่” รับกังวลใจปัญหาหนี้สินครัวเรือน ลั่นปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ให้สำเร็จ โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการครูและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีปัญหาหนี้สินหมักหมมมาช้านาน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ระบุว่า พี่น้องประชาชนที่รักครับ ในปี 2564 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ไทยและทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาโควิด รวมทั้งปัญหาอื่น ๆ โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการจำเป็นต้องปิดประเทศ นอกจากนั้น ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ผมได้สั่งการและติดตามการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานาน โดยเฉพาะการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดในยามวิกฤต ผมจึงรู้สึกยินดีที่มาตรการต่าง ๆ ที่ผมได้สั่งการไปนั้น มีส่วนคลี่คลายหลายปัญหาให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เช่นในเรื่องดังต่อไปนี้

บิ๊กตู่

  1. การจัดการปัญหาโควิด รัฐบาลสามารถจัดหาวัคซีนได้ตามเป้าหมาย และฉีดวัคซีนฟรีให้ประชาชนได้มากกว่า 100 ล้านโดส เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีส่วนสำคัญทำให้ไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาด ลดยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลงได้ จนสามารถเปิดประเทศ เปิดกิจการและกิจกรรมต่างๆ ให้พี่น้องประชาชนได้กลับไปทำงาน เปิดร้านค้าและธุรกิจต่าง ๆ ได้บนมาตรการความปลอดภัย
  2. ผลจากการเปิดประเทศ ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว และมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นกว่าเดิม ในปีหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวสูงขึ้นทุกภูมิภาค ทั้งภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริการ และการลงทุน เศรษฐกิจไทยจะพร้อมกลับมาทะยานอีกครั้งในปี 2565 ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยรัฐบาลได้เตรียมแผนส่งเสริมการค้าการลงทุนไว้แล้ว ทั้งในระดับนานาชาติ ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับจังหวัด หรือกลุ่มจังหวัด
  3. โครงการคนละครึ่ง ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและรักษากำลังซื้อในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์จริง ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายรายย่อย เฉพาะเฟส 3 มียอดการใช้จ่ายสะสมกว่า 2 แสนล้านบาท และพร้อมขยายผลเฟส 4 ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2565
  4. ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด รัฐบาลได้ออกโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ที่สามารถช่วยพี่น้อง SMEs กระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย ให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ถึง 2.4 แสนล้านบาท นอกจากจะรักษาระดับการจ้างงานแล้ว ยังสร้างการจ้างงานใหม่ได้มากกว่า 2.65 ล้านตำแหน่ง
  5. สำหรับพี่น้องเกษตรกรผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ผมพูดเสมอว่าเป็นกลุ่มที่ผมมีความห่วงใยอย่างยิ่ง และคิดหาวิธีตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไรจะช่วยพี่น้องเกษตรกรได้มากที่สุด โดยเฉพาะในยามลำบากเช่นนี้ ผมจึงดีใจที่ได้รับรายงานว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว สามารถช่วยเหลือชาวนาไทยได้ 4.7 ล้านครัวเรือน เป็นเงินมากกว่า 8 หมื่นล้านบาท
บิ๊กตู่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

อีกปัญหาใหญ่ที่ผมยอมรับว่าทำให้ผมกังวลใจ และเป็นห่วงพี่น้องที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก นั่นคือ “ปัญหาหนี้สินครัวเรือน” ซึ่งวิกฤตโควิดที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปีนั้น ยิ่งซ้ำเติมให้ปัญหาหนักหน่วงขึ้นไปอีก ผมจึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการผ่อนคลายความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้น ตลอดทั้งปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการดำเนินการไปแล้วอย่างน้อย 8 ด้าน ดังนี้

  1. การแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
  2. การไกล่เกลี่ยและการปรับโครงสร้างหนี้ ผ่านกลไกธนาคารแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินของรัฐ
  3. การแก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์
  4. การแก้ปัญหาหนี้สินข้าราชการ
  5. การปรับลดและทบทวนโครงสร้างและเพดานอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม รวมทั้งการออกมาตรการคุ้มครองสิทธิ์ของลูกหนี้
  6. การแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
  7. การแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อยและ SMEs
  8. การปรับปรุงขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรม
บิ๊กตู่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ซึ่งทั้งหมดนี้ ยังจะต้องดำเนินการต่อเนื่องให้มากขึ้นอีก โดยตั้งเป้าหมายให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” ให้สำเร็จให้ได้

โดยสองกลุ่มอาชีพสำคัญที่เป็นเป้าหมาย และมีปัญหาหนี้สินที่หมักหมมมาช้านาน นั่นคือ กลุ่มข้าราชการครูและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมได้สั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการโดยด่วนตามแนวทางที่ได้วางไว้ ทั้งการยุบยอดหนี้ การปรับลดค่าธรรมเนียม ปรับปรุงระบบการตัดเงินเดือน การพักชำระหนี้ การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น โดยควรที่จะมีเงินหลือใช้ไม่ต่ำกว่า 30% ของเงินเดือน

แม้ว่าอาจจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นมากมายในปี 2564 กับประเทศของเราและทั่วโลก แต่ไทยเราสามารถผ่านมาได้ด้วยความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ หากเรามองย้อนกลับไปแล้วก็จะพบว่า อุปสรรคที่เราพบเจอนั้น กลับส่งผลประเทศไทยแข็งแกร่งขึ้น เกิดโอกาสในวิกฤตโควิดที่เปิดทางให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพระดับโลก ที่ทั่วโลกต้องจับตามอง ทั้งความแข็งแกร่งด้านระบบสาธารณสุข อันดับ 5 ของโลก ประเทศที่น่าเริ่มต้นธุรกิจที่สุด อันดับ 1 ของโลก กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่ามาทำงานและท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก และไทยเป็น Top Ten ของประเทศที่มีวัฒนธรรม และน่ามาเยือนมากที่สุด

“ทำให้ผมเชื่อมั่นว่าปี 2565 จะเป็น “ปีแห่งการต่อยอด” ของไทย จากศักยภาพและความสำเร็จท่ามกลางวิกฤตที่เราได้สร้างไว้ตลอดปี 2564 ที่ผ่านไป ซึ่งจะเป็นการต่อยอดอย่างมั่นคง ยั่งยืน ด้วยโอกาสดีๆ ที่เราจะได้รับตลอดทั้งปี” นายกรัฐมนตรี ระบุ

ท้ายที่สุดนี้ ผมขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลให้ประเทศไทยมีแต่ความสงบสุข ร่มเย็น พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ประสบพบเจอกับสิ่งที่ดีตลอดทั้งปี ปลอดโรค ปลอดภัย เปี่ยมพร้อมไปด้วยแรงกายแรงใจ ในการช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าตามเป้าหมาย ในปีใหม่ 2565 ครับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK