Politics

เปิดผลงานเด่นรัฐบาล ‘พล.อ.ประยุทธ์’ สู้โควิด กระตุ้นเศรษฐกิจ เปิดประเทศ

เปิดผลงานเด่นรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในปี 2564 สู้โควิด อัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เปิดประเทศ

ในปี 2564 ที่ผ่านมา ผลงานรัฐบาลที่ดูจะจับต้องได้และโดนใจประชาชนมากที่สุด คงหนี้ไม่พ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสู้ “มหาสงครามโควิด” ที่ยังระบาดอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมารัฐบาลต้องทุ่มเงินหลายแสนล้าน เพื่อการเยียวยาต่อลมหายใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ทั้งมาตรการคนละครึ่ง เราชนะ เรารักกัน และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ผลงานรัฐบาล

ขณะที่ผลงานสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมดูจะภาคภูมิใจที่สุด คือ การควบคุมสถานการณ์โควิดในประเทศ และการผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดทะลุ 100 ล้านโดสได้

โดย นายกรัฐมนตรี ระบุเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า #ประเทศไทยต้องชนะ เป็นเป้าหมายสูงสุดใน “สงครามโควิด” ที่เราชาวไทยได้ร่วมมือกันต่อสู้ ฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ แม้ว่าสงครามในครั้งนี้ จะยืดเยื้อเกินกว่าที่ทั่วโลก หรือใคร ๆ จะคาดคิดไว้ และเรายังไม่ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด วันนี้เราบรรลุเป้าหมายสำคัญ คือการสามารถฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องชาวไทย ทะลุยอด 100 ล้านโดสได้สำเร็จภายในปี 2564 ตามที่รัฐบาลได้เคยประกาศไว้

นับตั้งแต่ “โดสแรก” เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 เราใช้เวลารวม 265 วัน หรือเฉลี่ยวันละ 377,358 โดส

เป็นเข็มแรกมากกว่า 50 ล้านโดส ครอบคลุม 70% ของประชากรไทย
เป็นเข็มสองมากกว่า 44 ล้านโดส ครอบคลุม 61% ของประชากรไทย
เป็นเข็มสามมากกว่า 5 ล้านโดส ครอบคลุม 6% ของประชากรไทย

ผลงานรัฐบาล

ซึ่งเมื่อรัฐบาลได้ประกาศเป้าหมายนี้ หลายคนอาจคิดว่า เป็นเป้าหมายที่… เป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย

เป็นเป้าหมายที่ … ต้องอาศัยทั้งแรงกาย แรงใจ ความทุ่มเทเสียสละ จากบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่นับพันนับหมื่นชีวิต ทั้งแพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร และ อสม.ทั่วประเทศ

จนกระทั่งวันนี้ เราสามารถทำภารกิจที่เหมือนเป็นไปไม่ได้ …ให้เป็นไปได้

นอกจากการต่อสู้กับ “โควิด” เดินหน้าผลักดันการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจในประเทศกระเตื้องขึ้นได้ อาทิ

ผลงานรัฐบาล

คนละครึ่งเฟส 3

โครงการคนละครึ่งเฟส 3 เป็นโครงการสำคัญที่ครองใจประชาชน และได้รับการตอบรับมากที่สุด “คนละครึ่งเฟส 3” ดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ รวม 1.35 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 93,000 ล้านบาท ในช่วงแรกและ 42,000 ล้านบาทในช่วงเพิ่มวงเงิน ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2564 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 26.34 ล้านราย จากผู้ได้รับสิทธิจำนวน 27.98 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 221,109.8 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 112,482.5 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 108,627.3 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 87,714.8 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 35,519 ล้านบาท ร้าน OTOP 10,665.6 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 83,093.7 ล้านบาท ร้านบริการ 3,851.8 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 264.9 ล้านบาท

“เราชนะ” แจกเงิน 9,000 บาท

โครงการเราชนะ ดำเนินการใต้กรอบวงเงิน 2.73 แสนล้านบาท เมื่อสิ้นสุดโครงการมีประชาชนผู้รับสิทธิรวม 33.2 ล้านคน เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ทั้งสิ้น 273,475 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านสิทธิ 101,301 ล้านบาท กลุ่มผู้ที่มีแอปฯ เป๋าตัง และผู้ที่ลงทะเบียนผ่านโครงการเราชนะ 17.1 ล้านบาท 151,344 ล้านบาท และกลุ่มผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ 2.4 ล้านคน 20,830 ล้านบาท

ส่วนผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้ให้บริการรายย่อย ได้สมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 1.3 ล้านกิจการ โดยมียอดการใช่จ่ายผ่านร้านอาหารและเครื่องดื่ม 52,948 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 93,182 ล้านบาท ร้านโอทอป 11,371 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 110,501 ล้านบาท ร้านค้าบริการ 5,293 ล้านบาท และขนส่งสาธารณะ 180 ล้านบาท

ผลงานรัฐบาล

ม.33 เรารักกัน

โครงการม.33 เรารักกัน เป็นโครงการสนับสนุนวงเงินสิทธิช่วยเหลือ ผู้ประกันตนประกันสังคมมาตรา 33 จำนวน 6,000 บาทต่อคน โดยสถิติ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีผู้ประกันตนเข้าร่วมโครงการ 8.14 ล้านคน ร้านค้าเข้าร่วมโครงการ 247,899 ร้านค้า และมียอดการใช้จ่ายเงินทั้งสิ้น 48,185,847,179.56 บาท

นอกจากนี้  ครม. ได้เห็นชอบ เยียวยาผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และ ม.40 อาชีพอิสระในสถานบันเทิง ที่ได้รับผลกระทบจากการไม่สามารถทำงานได้มาอย่างยาวนาน จำนวน 5,000 บาท เป็นเวลา 1 เดือน เริ่มโอนครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564

เพิ่มกำลังซื้อเฟส 3

โครงการเพิ่มกำลังซื้อเฟส 3 ครอบคลุม 2 กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐราว 14 ล้านคน และกลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มต้องการความเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กเล็ก,ผู้สูงอายุ,ผู้พิการ ใช้สิทธิผ่านบัตรประชาชน 2.5 ล้านคน เพิ่มวงเงินเป็นเวลา 6 เดือน แบ่งเป็น เดือนละ 200 บาท/คน ตั้งแต่ กรกฎาคม-ตุลาคม 2564 และเดือนละ 500 บาท/คน ในเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม 2564

ทั้งนี้ โครงการเพิ่มกำลังซื้อเฟส 3 ดำเนินการใต้กรอบวงเงิน 1.93 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 16,380 ล้านบาท และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ 3,000 ล้านบาท โดยล่าสุดในกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้สิทธิสะสม 13.55 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 23,359.4 ล้านบาท และในกลุ่มเปราะบางมีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.49 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 2,086.9 ล้านบาท

ผลงานรัฐบาล

เราเที่ยวด้วยกัน

โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ดำเนินการเฟส 1-3 ภายใต้กรอบวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยเฟส 3 ใช้วงเงิน 5.7 พันล้าน โดยมีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิครบ 2 ล้านคน มูลค่าการใช้จ่ายทั้งโครงการฯ อยู่ที่ประมาณ 8,055.4 ล้านบาท มีจำนวนคนใช้สิทธิโรงแรม 363,449 ราย มูลค่าการใช้จ่ายโรงแรม 7009.5 ล้าน ยอดใช้จ่ายคูปองสะสม 913.3 ล้านบาท และมูลค่าตั๋วเครื่องบินทั้งสิ้น 132.69 ล้านบาท

ล่าสุด รัฐบาลได้เดินหน้าโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน’ เฟส 4 ขยายเวลาการใช้สิทธิจากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2565 เป็น 30 เมษายน 2565 และเพิ่มจำนวนห้องพักโครงการเราเที่ยวด้วยกันอีก 2 ล้านห้อง

สถานีกลางบางซื่อ

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สถานีกลางบางซื่อ เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางขนาดใหญ่ และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย รวมถึงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมาตรฐานเทียบเท่าสถานีรถไฟชั้นนำของโลก สถานีนี้คือสิ่งที่เราคนไทยรอคอยมานาน กว่าจะสำเร็จถึงวันนี้ เป็นวันที่สะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยที่จะเป็น “ศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งในภูมิภาค” โดยเชื่อมไทยกับอาเซียน และโลก ผ่านระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่สมบูรณ์แบบ

“ผมและรัฐบาล ตั้งใจมุ่งมั่นที่จะบูรณาการ โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศไทยให้ขยายออกไปไกลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ผมดีใจที่สิ่งต่างๆ ที่เราร่วมสร้างกันมา เริ่มทยอยผลิดอกออกผลในวันนี้ และอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตามยุทธศาสตร์ชาติที่เราได้วางเอาไว้” นายกรัฐมนตรี ระบุ

ผลงานรัฐบาล

รถไฟสายสีแดง

รถไฟชานเมืองสายสีแดง เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบครอบคลุมสายเหนือ และสายตะวันตก ค่าโดยสารเริ่มต้นเพียง 12 – 42 บาท เปิดให้บริการเต็มรูปแบบทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.30- 24.00 น. โดยเดินทางจากรังสิต-บางซื่อ รวม 10 สถานี ระยะทาง 26 กม. ใช้เวลาแค่ 23 นาที และจากตลิ่งชัน-บางซื่อ รวม 4 สถานี ระยะทาง 15 กม. ใช้เวลาแค่ 17 นาที

พร้อมเชื่อมต่อไปยัง MRT สายสีม่วงและสีน้ำเงิน BTS สายสีเขียว สนามบินดอนเมือง สถานีขนส่งสายใต้สายใหม่ รถโดยสารสาธารณะ รถเมล์ รถตู้โดยสาร รถแท็กซี่ และเส้นทางการเดินรถในอนาคตได้ง่ายดาย

เปิดประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ผมดีใจที่วันนี้ จะแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า เราจะเพิ่มจำนวนรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำกลุ่มแรก ที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว เป็น 46 ประเทศ ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศ และมีหลักฐานปลอดเชื้อโควิด โดยมีการตรวจก่อนออกเดินทาง และตรวจเมื่อมาถึงประเทศไทย ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ ทุกประเทศดังกล่าวคงต้องพิจารณาความเสี่ยงของประเทศไทยด้วยเช่นกัน

สามารถติดตามผลงานรัฐบาลตลอด 7 ปีที่ผ่านมาได้ ที่นี่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo