COVID-19

เปิดคำแนะนำจาก’ WHO’ เมื่อต้องฉีดวัคซีน Moderna (mRNA-1273)

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกคำแนะนำการฉีดวัคซีน Moderna COVID-19 (mRNA-1273) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน COVID-19 สำหรับผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนต้องรู้ เมื่อ “ซิลลิค” ออกมายืนยันกำหนดการจัดส่งวัคซีนโมเดอร์นาให้กับประเทศไทย

ภญ.สุนัยนา กิจเกษตรไพศาล ผู้จัดการทั่วไป แซดพี เทอราพิวติกส์ ซิลลิค ฟาร์มา ประเทศไทย แถลงถึงความล่าช้า ในการนำเข้าวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของโมเดอร์นา ว่า บริษัทได้ประสานอย่างใกล้ชิด กับทางโมเดอร์นาทุก 1-2 สัปดาห์  เข้าใจว่าการผลิตวัคซีนมีความซับซ้อนทำให้เกิดความล่าช้า

วัคซีนโมเดอร์นา

จึงพยายามหาวัคซีนจากแหล่งผลิตใหม่ โดยแต่เดิมนั้น ติดต่อนำเข้าจากแหล่งผลิตในสหภาพยุโรป (อียู) แต่เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทได้ยื่นเอกสารต่อ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  ขอนำเข้าจากแหล่งผลิตในสหรัฐอเมริกา

กำหนดการล่าสุดในการจัดส่งวัคซีนโมเดอร์นา ให้กับประเทศไทย ยังคงเป็นในเดือนพฤศจิกายน 2564 แต่ยังไม่ทราบวันที่แน่นอน โดยวัคซีนจะทยอยเข้ามาสัปดาห์ละ 100,000-300,000 โดส จนครบ 1.9 ล้านโดส ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนที่เหลือ 6.8 ล้านโดส จะจัดส่งภายในไตรมาสแรกของของปี 2565

จากกำหนดการการนำเข้าวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของโมเดอร์นา ที่มีความชัดเจนมากยิ่งขี้น คนที่มีการวางแผนการฉีดวัคซีนโมเดอร์นา จึงต้องศีกษาเกี่ยวกับข้อมูลวัคซีนโมเดอร์นาให้ละเอียดและเตรียมความพร้อมเพื่อความปลอดภัยในการฉีดวัคซีน

สำนักข่าว The Bangkok Insight จึงนำรายงาน วัคซีน Moderna ที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ (Strategic Advisory Group of Experts on Immunization: SAGE) ขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกคำแนะนำการฉีดวัคซีน Moderna COVID-19 (mRNA-1273) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน COVID-19

วัคซีนโมเดอร์นา

บทสรุปของคำแนะนำ การฉีดวัคซีนโมเดอร์นา (mRNA-1273) ที่คุณต้องรู้

ใครที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนก่อน?

เช่นเดียวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทุกชนิด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสัมผัสผู้ป่วยและผู้สูงอายุ ควรได้รับการจัดลำดับความสำคัญในการได้รับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรก

เมื่อมีจำนวนวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ควรฉีดวัคซีนในกลุ่มตามลำดับความสำคัญรองลงมา โดยให้ความความสำคัญกับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด หรือผู้ที่เผชิญกับความไม่เท่าเทียมกันทางสุขภาพ

ใครบ้างที่สามารถรับวัคซีนได้?

คำแนะนำในการฉีดวัคซีน ให้กับผู้ที่มีโรคร่วมที่มีการศึกษาในการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ได้แก่ โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจที่มีอาการรุนแรง ภาวะโรคอ้วนรุนแรง โรคเบาหวาน โรคตับ และโรคติดเชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) แนะนำให้ฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่มีโรคร่วมดังกล่าวซึ่งได้รับการระบุว่า เพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ COVID-19 ที่รุนแรง

แม้ว่ากลุ่มผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจะได้รับการแนะนำให้ฉีดวัคซีน อาจยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม และบุคคลกลุ่มนี้อาจได้รับการฉีดวัคซีน หลังจากการได้รับการปรึกษาและข้อมูลเพิ่มเติมจากแพทย์

ผู้ติดเชื้อหรือเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค COVID-19 ที่รุนแรงมากขึ้น ก่อนรับการฉีดวัคซีน ควรได้รับข้อมูลและคำปรึกษาจากแพทย์

สำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อ COVID-19 มาก่อน สามารถฉีดวัคซีนได้ แต่การฉีดวัคซีน COVID-19 ต้องฉีดวัคซีน หลังจากการติดเชื้อ COVID-19 มาแล้วเป็นเวลา 6 เดือน

สำหรับสตรีที่ให้นมบุตร มีการคาดการณ์ว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนสำหรับสตรีที่ให้นมบุตร จะคล้ายคลึงกับผู้ใหญ่ในภาวะปกติ องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้วัคซีนในสตรีให้นมบุตร เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ในภาวะปกติ และองค์การอนามัยโลก ไม่แนะนำให้หยุดให้นมลูกเนื่องจากการฉีดวัคซีน

วัคซีนโมเดอร์นา

สตรีมีครรภ์ควรฉีดวัคซีนหรือไม่?

องค์การอนามัยโลก แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในสตรีมีครรภ์ ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนแก่สตรีมีครรภ์ จะมีมากกว่าความเสี่ยง เพื่อช่วยให้สตรีมีครรภ์สามารถทำการประเมินความเสี่ยงได้ จึงควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของ COVID-19 ในการตั้งครรภ์ ประโยชน์ที่เป็นไปได้ของการฉีดวัคซีน ในบริบททางการระบาดวิทยาในท้องถิ่น และข้อจำกัดในปัจจุบันของข้อมูลด้านความปลอดภัยในสตรีตั้งครรภ์

นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก ไม่แนะนำให้ทำการทดสอบการตั้งครรภ์ก่อนฉีดวัคซีน และองค์การอนามัยโลกยังไม่แนะนำให้ชะลอการตั้งครรภ์ หรือการทำแท้งเนื่องจากความต้องการฉีดวัคซีน

ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดวัคซีน?

บุคคลที่มีประวัติอาการแพ้อย่างรุนแรงต่อส่วนประกอบใด ๆ ของวัคซีน ไม่ควรรับวัคซีนนี้ หรือวัคซีน mRNA อื่น ๆ

ในขณะที่มีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และการเสียชีวิต แต่สำหรับผู้สูงอายุที่มีสุขภาพอ่อนแอมากและคาดการณ์ไว้ว่าจะมีอายุขัยต่อไปน้อยกว่า 3 เดือน ควรได้รับการประเมินการฉีดวัคซีนเป็นรายบุคคล

ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ยังไม่ควรได้รับวัคซีน ตอนนี้อยู่ระหว่างรอผลการศึกษาเพิ่มเติม

ปริมาณที่แนะนำในการฉีดวัคซีนคืออะไร?

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ (Strategic Advisory Group of Experts on Immunization: SAGE) ขององค์การอนามัยโลก แนะนำให้ใช้วัคซีน Moderna mRNA-1273 ตามกำหนดระยะเวลาเป็นจำนวน 2 โดส หรือ 2 ครั้ง (100 ไมโครกรัม หรือ 0.5 มิลลิลิตร ต่อครั้ง) ระยะเวลาห่างกัน 28 วัน หากจำเป็นอาจขยายช่วงเวลาระยะห่างของเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ออกเป็น 42 วัน

การศึกษาต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงผลกระทบด้านสาธารณสุขในระดับสูง ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว ยาวนานกว่าที่ EUL แนะนำ ดังนั้น ประเทศต่าง ๆ ที่เผชิญกับอุบัติการณ์สูงของ COVID-19 ประกอบกับข้อจำกัดในการจัดหาวัคซีนที่ยาก เนื่องจากมีความต้องการจากทุกประเทศทั่วโลก

อาจพิจารณาเลื่อนการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ออกไปเป็น 12 สัปดาห์ เพื่อให้การฉีดวัคซีนเข็มแรกครอบคลุมจำนวนประชากรในระดับที่สูงขึ้นในประชากรที่มีลำดับความสำคัญในการได้รับวัคซีนสูง

ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำในการฉีดทั้ง 2 เข็ม ตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด และควรใช้วัคซีนชนิดเดียวกันทั้งสองเข็ม

วัคซีน Moderna COVID-19 (mRNA-1273) ปลอดภัยหรือไม่?

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 องค์การอนามัยโลกได้ลงบัญชีรายชื่อการใช้วัคซีน Moderna ไว้ในบัญชีวัคซีนสำหรับการใช้ในกรณีฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (Emergency Use Listing: EUL) จะประเมินจากคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 และเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการจัดหาวัคซีนของ COVAX Facility

องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency: EMA) ได้ประเมินข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพของวัคซีน Moderna COVID-19 อย่างละเอียด และอนุญาตให้ใช้ทั่วทั้งสหภาพยุโรป

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ (Strategic Advisory Group of Experts on Immunization: SAGE) แนะนำให้สังเกตอาการหลังฉีดวัคซีนเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที ผู้ที่มีอาการแพ้วัคซีนอย่างรุนแรงและทันทีในการฉีดวัคซีนเข็มแรก ไม่ควรรับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 อีก

วัคซีนโมเดอร์นา

การประเมินความปลอดภัยจากการฉีดวัคซีนในระยะยาว ยังต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่องกับผู้เข้าในระยะทดลองวัคซีน ตลอดจนการศึกษาเฉพาะทาง และการเฝ้าระวังผลกระทบข้างเคียงจากวัคซีน หรืออาการไม่พึงประสงค์ของผู้ที่ได้รับวัคซีนในช่วงที่เริ่มนำวัคซีนมาใช้กับบุคคลทั่วไปอย่างต่อเนื่อง

Global Advisory Committee on Vaccine Safety ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่เป็นอิสระและเชื่อถือได้ให้คำแนะนำกับองค์การอนามัยโลก ในหัวข้อของการใช้วัคซีนอย่างปลอดภัย การรับและการประเมินรายงานเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย ที่น่าสงสัยที่อาจส่งผลกระทบในระดับสากล

วัคซีน Moderna มีประสิทธิภาพแค่ไหน?

วัคซีน Moderna ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพประมาณ 94.1% ในการป้องกันโรคโควิด-19 โดยเริ่มตั้งแต่ 14 วันหลังจากได้รับวัคซีนเข็มแรก

วัคซีน Moderna ยังคงป้องกันโรคโควิด-19 ได้เมื่อเชื้อโควิด-19กลายพันธุ์หรือไม่?

จากหลักฐานที่ปรากฏมาจนถึงปัจจุบัน สายพันธุ์ใหม่ของ SARS-CoV-2 รวมถึง B.1.1.7 และ 501Y.V2 ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีน Moderna mRNA มีการเปลี่ยนแปลง การติดตาม รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการวินิจฉัย การรักษา และวัคซีน COVID-19 ยังคงดำเนินต่อไป

วัคซีน Moderna ป้องกันการติดเชื้อและการแพร่เชื้อหรือไม่?

เรายังไม่ทราบว่าวัคซีนจะป้องกันการติดเชื้อ และป้องกันการแพร่เชื้อต่อไปได้หรือไม่ ภูมิคุ้มกันจะยังคงมีอยู่เป็นเวลาหลายเดือน แต่ยังไม่ทราบระยะเวลาที่แน่นอนที่ภูมิคุ้มกันจะยังคงมีอยู่ คำถามเหล่านี้มีความสำคัญมาก และกำลังอยู่ภายใต้การศึกษา

ในระหว่างนี้ เราจึงยังต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ได้ผลอย่างเคร่งครัด ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง การล้างมือ การรักษาสุขอนามัยทางเดินหายใจและการไอ การหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในฝูงชน และเลือกอยู่ในสถานที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight