สาธารณสุข เร่งจัดสรร วัคซีนโควิด 24 ล้านโดส ช่วงเดือนต.ค.นี้ ตั้งเป้าฉีดให้ได้ 50% ทุกจังหวัด ชี้ถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตเกี่ยวข้องกับฉีดวัคซีนเพียง 1 ราย ระบุต้องให้กลุ่มเสี่ยงเร่งเข้ารับวัคซีน เพื่อลดอัตราการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าาวถึงยอดการฉีดวัคซีนโควิด-19 ณ วันที่ 10 กันยายน 2564 มีผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มอีก 758,503 โดส ทำให้มียอดสะสมตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 จำนวน 35,531,341 โดส ในจำนวนนี้แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็ม 1 จำนวน 26,954,546 ราย หรือ 37.4% ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม จำนวน 12,063,643 ราย หรือ 16.7% ซึ่งประสิทธิผลการฉีดวัคซีนโควิด หากได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มโดยเร็ว จะช่วยป้องกันอาการป่วยรุนแรง หรือเสียชีวิตจากโควิดได้
ทั้งนี้ไม่มีวัคซีนชนิดใดที่จะมีประสิทธิผล100% ในการป้องกันการติดเชื้อ แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส ยังจำเป็นต้องเข้มงวดมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคลต่อไป จากผลการศึกษาการได้รับวัคซีนซิโนแวค ครบ 2 เข็ม มีประสิทธิภาพต่อการป้องกันป่วยรุนแรง (ปอดอักเสบ) อยู่ในระดับสูง รวมทั้งภายหลังการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม เกิน 14 วัน พบมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ และอาการรุนแรงได้ อีกทั้งการฉีดวัคซีนไขว้ ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 ได้เร็วขึ้นภายใน 5 สัปดาห์ ตั้งแต่เข็มแรก ฉะนั้นกลุ่ม 608 มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการป่วยรุนแรง และเสียชีวิตจากโควิด จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนที่สร้างภูมิคุ้มกันได้เร็ว ด้วยสูตรวัคซีนไขว้
ส่วนอาการไม่พึงประสงค์ ภายหลังได้รับวัคซีนป้องกันโควิด ข้อมูล ณ วันที่ 5 กันยายน พบในวัคซีนซิโนแวค มีอาการแพ้รุนแรงเพียง 24 ราย จากทั้งหมดที่ฉีดไป 15,292,644 โดส ทั้งหมดหายเป็นปกติแล้ว วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า พบมีอาการแพ้รุนแรง 6 ราย จากที่ฉีดไปทั้งหมด 15,419,603 โดส ทั้งหมดหายเป็นปกติแล้ว ส่วนภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ร่วมกับเกร็ดเลือดต่ำ หลังได้รับวัคซีน มี 5 ราย วัคซีนซิโนฟาร์ม ที่ฉีดไปแล้ว 4,330,836 ราย อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียด ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ พบมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ 1 ราย จากที่ฉีดไปทั้งหมด 869,811 โดส ทั้งหมดหายเป็นปกติแล้ว
นพ.โอภาส กล่าวว่าผลการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ กรณีเสียชีวิตภายหลังการได้รับวัคซีน ข้อมูล ณ วันที่ 5 กันยายน พบว่า มีผู้เสียชีวิตหลังได้รับวัคซีนโควิด-19 จำนวน 628 ราย คณะผู้เชี่ยวชาญฯ ได้พิจารณาไปแล้ว 416 ราย พบส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ทั้งหมด 249 ราย พบ มีสาเหตุต่างๆกัน ทั้งนี้ติดเชื้อในระบบประสาท เลือดออกในสมอง เส้นเลือดสมองอุดตัน ปอดอักเสบรุนแรง ลิ่มเลือดอุดตันในปอด รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และมะเร็ง เป็นต้น ส่วนอีก 32 ราย ไม่สามารถสรุปได้ เพราะฉะนั้นที่เราฉีดวัคซีนไปเกือบ 40 ล้านโดส มีอยู่รายเดียวที่เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน
ทั้งนี้มีเหตุที่ไม่สามารถสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ อีก 32 ราย เช่น โรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ เลือดออกในสมอง ระบบหายใจล้มเหลว และรอสรุปสาเหตุการเสียชีวิตจากผลการชันสูตรศพอีก 9 ราย ส่วนเหตุการณ์ที่สรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีน มีเพียง 1 ราย มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ สรุปไม่ได้ 12 ราย และรอสรุปผลอีก 122 ราย
นอกจากนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญ ยังให้คำแนะนำว่า ภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ ภายหลังได้รับวัคซีน เกิดขึ้นได้น้อยมาก สามารถรักษาให้หายได้ ถ้าได้รับการวินิจฉัยรวดเร็ว เมื่อเทียบประโยชน์ของวัคซีนในการป้องกันโควิดและป้องกันความรุนแรงของโรคซึ่งมีมากกว่า จึงยังคงแนะนำให้ประชาชนรับวัคซีน ควรเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับภาวะดังกล่าวให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยได้เร็วขึ้น ลดการเสียชีวิตจากภาวะดังกล่าว เพิ่มการตรวจทางห้องปฏิบัติการและยาสำหรับใช้รักษา สำหรับประชาชน หากมีอาการปวดศีรษะรุนแรง แขนขาอ่อนแรง ปากหรือหน้าเบี้ยว เจ็บหน้าอก หายใจติดขัด ขาบวมเจ็บ ปวดท้องรุนแรง หรือพบมีจุดเลือดออก ภายหลังได้รับวัคซีน 4-30 วัน ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที ลดอัตราการเสียชีวิต
ส่วนอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ภายหลังได้รับวัคซีนโควิด เกิดขึ้นได้ แต่น้อยมาก สามารถรักษาหายได้ หากมีอาการใจสั่น เจ็บแน่นหน้าอกมาก หายใจหอบ เหนื่อยง่าย หลังฉีดวัคซีนโควิด กลุ่ม mRNA เช่น ไฟเซอร์ แล้ว 4-30 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ แจ้งให้ทราบว่าได้รับวัคซีนมา พร้อมเตรียมบัตรนัด หรือใบรับรองการฉีดวัคซีนไปแสดงด้วย
สำหรับแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของไทย ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ จะมีการนำเข้าวัคซีนเข้าอีก 24 ล้านโดส แบ่งเป็น ซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดส และไฟเซอร์ 8 ล้านโดส โดยมีเป้าหมายฉีดให้ครอบคลุมประชากรทั้งหมดอย่างน้อย 50% ของทุกจังหวัด เพิ่มความครอบคลุมในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ให้ได้มากที่สุด และขยายการฉีดไปยังกลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไป เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียน พร้อมฉีดเข็มกระตุ้นในผู้ที่ได้รับการฉีดซิโนแวค ครบ 2 เข็ม ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2564
“ภาพรวมเราจะฉีดให้กับประชาชนทั่วไป 16.8 ล้านโดส เด็กนักเรียน 4.8 ล้านโดส แรงงานในระบบประกันสังคม 0.8 ล้านโดส หน่วยงานอื่นๆเช่นองค์กรภาครัฐราชทัณฑ์ 1.1 ล้านโดส และผู้ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มและต้องการเข็มกระตุ้นเข็มที่ 0.5 ล้านโดส รวม 24 ล้าน สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์” นพ.โอภาส ระบุ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ไม่มีแล้วแอสตร้าฯ 2 เข็ม ‘กรมควบคุมโรค’ ยัน ฉีดวัคซีนโควิด ‘สูตรไขว้’ ทั้งประเทศ รับมือ ‘เดลตา’
- ตุลาคมนี้มีเฮ!! สธ.เลิกนำเข้า ‘ซิโนแวค’ เดินหน้าสูตรไขว้ ‘แอสตร้าฯ-ไฟเซอร์’
- วัคซีนสูตรไขว้ ซิโนแวค-แอสตร้า ฉีดแล้วกว่า 1.5 ล้านโดส สธ.ยัน ภูมิขึ้นสูง ปลอดภัย