Politics

‘สมาคมทนายความ’ ออกแถลงการณ์ ตร.ผู้แถลงข่าว – ‘ผู้กำกับโจ้’ อาจทำผิดกฎหมายเอง

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ระบุว่า มูลกรณีสืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดให้มีการแถลงข่าวการจับกุม พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล (ผู้กำกับโจ้) ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ จ. ๑๘๗/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย เมื่อคืนวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ เวลาประมาณ ๒๑.๓๐ นาฬิกา นั้น

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นว่า การแถลงข่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การให้สัมภาษณ์ของผู้ร่วมแถลงข่าว และการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ มีความไม่เหมาะสม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอาจเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายเสียเอง กล่าวคือ

๑. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗/๑ ผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวมีสิทธิแจ้งหรือขอให้เจ้าพนักงานแจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาไว้วางใจทราบถึงการถูกจับกุมและสถานที่ที่ถูกควบคุมในโอกาสแรกและให้ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหามีสิทธิดังต่อไปด้วย คือ (๑) พบและปรึกษาผู้ซึ่งจะเป็นทนายความเป็นการเฉพาะตัว (๒) ให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคําตนได้ในชั้นสอบสวน (๓) ได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติได้ตามสมควร และ (๔) ได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดการเจ็บป่วย ดังนั้น การยินยอมให้ผู้ต้องหาแถลงข่าว ด้วยการให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชน จึงเป็นการให้สิทธิ แก่ผู้ต้องหาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

240248500 103293865418542 992835715573252763 n e1629983219669 1

๒. แม้ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ ๔๖๕/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๐ ข้อ ๒.๓ ที่ห้ามอนุญาตหรือจัดให้สื่อมวลชนทุกแขนงสัมภาษณ์ผู้ต้องหาในระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีข้อยกเว้นให้กระทำได้หากได้รับความยินยอมจากผู้ต้องหาก็ตาม แต่การให้สิทธิตามข้อยกเว้นดังกล่าวเกินไปกว่าสิทธิตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๗/๑ บัญญัติไว้คำสั่งดังกล่าวจึงขัดต่อกฎหมาย ประกอบกับการให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหายังไม่เป็นประโยชน์แก่คดี เพราะย่อมจะมีลักษณะเป็นการแก้ตัว หรือชักจูงสังคมให้เห็นใจหรือคล้อยตามคำแก้ตัวของตน หรือสร้างความชอบธรรมให้กับกระทำความผิด หรือให้สัมภาษณ์ผิดไปจากข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์แห่งคดีของตน คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวอาจจะมีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของประชาชน เหนือพนักงานสอบสวน หรือผู้เสียหายหรือพยานซึ่งจะถูกกดดันจากกระแสสังคม อันจะทำให้การดำเนินคดีเสียความยุติธรรม

๓. การที่รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๖ (พลตำรวจตรีเอกลักษณ์ ลิ้มสังกาจ) แถลงว่าผู้ต้องหารายนี้นัดให้มารับตัวที่หน้า สภ.แสนสุข จังหวัดชลบุรี ในช่วงบ่ายของวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ โดยมีรถยนต์เก๋งสีขาวนำตัวผู้ต้องหามาส่งแต่ตนไม่ได้สังเกตและไม่ได้จำทะเบียนรถดังกล่าวนั้น เห็นว่าผู้ต้องหารายนี้หลบหนีการจับกุมหลายวันโดยหลบหนีมาจากจังหวัดนครสวรรค์ จนมาถูกจับกุมที่จังหวัดชลบุรี จึงอาจมีผู้ช่วยเหลือให้พำนัก โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้ต้องหาด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙

ดังนั้น ผู้ขับขี่และรถยนต์ที่นำตัวผู้ต้องหามาส่งให้รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๖ จึงเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญแห่งคดีที่พนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนให้ได้ความดังกล่าว การที่รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๖ อ้างว่าไม่ได้สังเกตและจำหมายเลขทะเบียนรถไม่ได้จึงอาจเข้าข่ายเป็นการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดฐานให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ต้องหาไม่ให้ถูกจับกุมอันอาจเป็นความผิดฐานผู้สนับสนุนตามมาตรา ๘๖ และ ๑๘๙ แห่งประมวลกฎหมายอาญา

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยขอเรียนเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการหัวหน้าสถานีตำรวจและการกระทำความผิดเกิดขึ้นใน สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยมีผู้ร่วมกระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคน อาทิ (๑) การจับกุมผู้ต้องหาโดยไม่มีบันทึกการจับกุม (๒) ซ้อมทรมานและฆ่าผู้ต้องหา (๓) ทำลายหลักฐานแห่งคดี (๔) ไม่แจ้งเหตุแก่พนักงานสอบสวน และ (๕) ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเรื่องการชันสูตรพลิกศพ เป็นต้น อีกทั้งกระทำความผิดเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ แต่ไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและผู้ร่วมกระทำความผิดทันทีที่เกิดเหตุ ทั้งที่เหตุเกิดใน สภ.ดังกล่าว ในทางกลับกันกลับมีการช่วยเหลือโดยปกปิดการกระทำความผิดและทำลายพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.เมืองนครสวรรค์ จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียและเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง

ดังนั้น หากให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี ย่อมจะเสียความเป็นธรรม จึงควรให้กองบังคับการกองปราบปราม เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกราย ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพื่อกู้วิกฤตศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อไป

นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์
นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย
๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔

แถลงการร์11 e1630123287272

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight